‘ก้าวไกล’ ยื่นหนังสือประธานศาลฎีกา ถามแนวทางการให้ประกันตัวผู้ต้องหาจากคดีการเมือง ขอให้ยึดหลักนิติรัฐ-ความยุติธรรม ควรมีเหตุผลพิเศษ และให้แสดงเหตุผลไว้ในร่างคำพิพากษาหรือคำสั่ง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำคณะ อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส. พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เพื่อสอบถามประเด็นบรรทัดฐานในการให้ประกันตัวผู้ต้องหาจากคดีการแสดงออกทางการเมือง ขอให้พิจารณาดำเนินการตามหลักนิติรัฐและความยุติธรรม
จากกรณีที่ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนักกิจกรรมทางการเมือง ส่งผลให้ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ‘ตะวัน’ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ ‘แบม’ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ประกาศถอนประกันตนเองและอดน้ำ-อาหาร เพื่อเรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรมให้สิทธิประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมืองทุกคน ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม เป็นต้นมา
จากนั้น นายพิธา อ่านข้อความในหนังสือ มีเนื้อหาสอบถามไปยังประธานศาลฎีกาสรุปว่า ตามที่ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการรายงานคดีสำคัญในศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ต่อประธานศาลฎีกา และการรายงานคดีและการตรวจสำนวนคดีในสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค พ.ศ. 2562 กำหนดให้ในคดีเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 107 – 135 ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องรายงานคดีต่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค และอธิบดีผู้พิพากษาต้องรายงานคดีต่อประธานศาลฎีกา
โดยกำหนดให้มีการตรวจร่างคำพิพากษาหรือคำสั่งเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยตามข้อ 14 แห่งระเบียบดังกล่าว ระบุว่า การตรวจร่างคำพิพากษาหรือคำสั่งตามข้อ 13 ให้ดำเนินการเพื่อรักษาแนวบรรทัดฐานของคำพิพากษาหรือคำสั่ง และให้การใช้ดุลพินิจของศาลเป็นไปโดยถูกต้องในแนวทางเดียวกัน ในกรณีที่ต่างไปจากแนวบรรทัดฐาน ควรมีเหตุผลพิเศษ และให้แสดงเหตุผลไว้ในร่างคำพิพากษาหรือคำสั่งด้วย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
จึงขอสอบถามว่า การที่ศาลยุติธรรมมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาที่เกิดจากการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 112 มาตรา 116 หรือมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่าบุคคลดังกล่าวได้กระทำผิดจริงตามคำฟ้อง เป็นคำสั่งอันเนื่องจากการควบคุมความเป็นเอกภาพของคำสั่งศาลตามนัยแห่งระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการรายงานคดีสำคัญในศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ต่อประธานศาลฎีกา และการรายงานคดีและการตรวจสำนวนคดีในสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค พ.ศ. 2562 ซึ่งอยู่ในการควบคุมกำกับดูแลหรือบังคับบัญชาของประธานศาลฎีกาหรือไม่
“สถานการณ์ที่บอบบางต่อการประกันสิทธิเสรีภาพตามหลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยรับรองไว้ในปัจจุบัน อาจคลี่คลายได้ด้วยการที่ศาลยุติธรรม โดยกำกับดูแลหรือบังคับบัญชาของท่าน เคารพหลักนิติรัฐและจรรโลงความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างแท้จริง” นายพิธา กล่าว