นายกฯ ชี้ ‘ปวีณ’ กลับไทยได้ ฟ้อง ‘ปลาใหญ่’ ได้ตามกฎหมาย แต่ถ้าไม่ใช่ ระวังถูกฟ้องกลับ

นายกฯ ยืนยันแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์มาอย่างต่อเนื่องด้วยความจริงใจ แม้จะยังไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็อร์ ส่วนกรณีอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8 หัวหน้าชุดสืบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาร้องขอกลับประเทศไทยได้ ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย

วันที่ 21 ก.พ. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีปัญหาการค้ามนุษย์ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้ผลงานการแก้ปัญหาดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งใดที่มันผ่านมาแล้วในอดีตที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมา ตรวจสอบแล้ว แล้วตำรวจชี้แจงออกมาแล้ว เพราะบางเรื่องเป็นประเด็นบางอย่างมันผ่านไปแล้ว แล้วผ่านไปได้ด้วยระเบียบด้วยกฎหมาย ด้วยอะไรต่างๆ เหล่านี้ ต้องว่าไปตามนั้น เพราะฉะนั้นรัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา ไม่งั้นคงไม่ดีขึ้นมาในวันนี้

“มันอาจจะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องทำต่อไป การค้ามนุษย์การประมง IUU ต่างๆ เหล่านี้ ในเรื่องของการทุจริตเช่นเดียวกัน เราอาจจะมองว่าคะแนนเราตกต่ำลง ลองไปดูในรายละเอียดสิ มี 6-7 กลุ่มงาน ส่วนหนึ่งก็ได้เท่าเดิม ส่วนหนึ่งก็ลดลง แต่ส่วนที่เพิ่มมากขึ้นเป็นที่น่าพอใจคือเรื่องการบริหารของภาครัฐได้คะแนนสูงขึ้นมาก แต่คะแนนรวมออกมาหลายประเทศเขาก็ทำเหมือนกันใช่ไหม ต้องไปดูรายละเอียดปลีกย่อยข้างล่าง นั่นคือผลงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหา อย่าไปดูเฉพาะเรื่องที่มันไม่ดีอย่างเดียว มันต้องดูส่วนไหนที่มันดี ส่วนไหนที่มันยังไม่ดีก็ช่วยกันแก้ไป มันก็ต้องทำงานกันแบบนั้นแหละมั้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าชุดสืบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนญา ไม่ได้รับความเป็นธรรมและอยากจะกลับประเทศ นายกรัฐมนตรีถามกลับว่า คดีอะไร ก่อนจะระบุว่า ไปร้องทุกข์ ไปร้องเข้าช่องทางมา ไม่ได้ให้เขาออกไปไม่ใช่หรือ เขาออกไปเองไม่ใช่หรือ ใครจะไปทำอะไรเขาได้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมายอยู่ ถ้าพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ทุกคนเวลาไปก็ไปเอง สมัครใจไปเอง เวลาจะกลับมาบอกไม่ปลอดภัย บางคนก็ไปแล้วก็มีกฎหมายคาอยู่ แต่อยากจะกลับ มองตรงนี้สิ ตำรวจเขาชี้แจง แถลงแล้ว ตามซะบ้าง อย่าไปฟังเฉพาะช่องทางไหนช่องทางเดียว มันก็ขัดแย้งกันไม่เลิก ถ้าคิดว่าไม่มีอะไรก็กลับมา เขาไม่ได้มีคดีอะไรกับตนไม่ใช่หรือ ไม่ได้มีคดีอะไรกับใครไม่ใช่หรือ ไม่ตอบ ไม่เคยถามอะไรที่เป็นประโยชน์เลย

ส่วนคำถามว่าให้การรับประกันหรือไม่ว่าใครก็ไม่เคยปกป้อง เพราะมีการพยายามสาวว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะปกป้องใคร พร้อมถามกลับถึงคนเบื้องหลังว่า ใคร ไม่เปิดชื่อใครก็พูดได้ สังคมก็ต้องคิดให้มีหลักมีเกณฑ์ จะทำอะไรต้องมีหลักฐาน หากกลับมาจะฟ้องร้องใครก็ฟ้องไป กระบวนการก็ตัดสินไป แต่ถ้าฟ้องแล้วไม่ใช่เขาก็ฟ้องกลับแค่นั้น เขาอยู่กันด้วยกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ด้วยการพูดกันไปพูดกันมา แล้วก็มาขยายความอยู่แบบนี้

นายกฯ ขอเบาๆ เรื่องการเมือง

ส่วนเรื่องทางการเมืองขอให้เบาๆ กันหน่อย วันนี้ก็ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการอภิปราย ส่วนจะดีไม่ดี จะใช่ไม่ใช่ก็ไม่รู้แต่ตนพูดในสิ่งที่ไม่โกหกใครและพูดในข้อเท็จจริง ดังนั้นสิ่งใดที่เป็นประโยชน์หรือสิ่งใดไม่เรียบร้อยก็จะนำมาแก้ไขพิจารณาในสิ่งที่ทำได้ตามกรอบอำนาจและตามกฎหมายที่มีอยู่ จึงขอให้ทุกคนช่วยกัน วันนี้ประเทศชาติมีปัญหาอยู่ จึงขอร้องแค่นี้

เมื่อถามถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย ขู่ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาลหากพ.ร.บ.กัญชงกัญชา ไม่ผ่านสภา โดยพล.อ.ประยุทธ์ ย้อนว่า “เขาขู่ใคร ขู่กับผมหรือเปล่า ก็ไปว่ากันมาผมไม่ได้เข้าสภาไปยกมือเมื่อไหร่ รัฐบาลทำเต็มที่ครบขั้นตอนอยู่แล้ว เป็นเรื่องสภาพิจารณากันเอง ถ้ารัฐบาลไม่สนับสนุนก็คงไม่เข้าสภา”

ไม่ยุ่งความขัดแย้งกลุ่ม ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ

ส่วนกรณีปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระหว่างนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ลูกชายคนโตกำนันเป๊าะ กับนายสุชาติ ชมกลิ่น แกนนนำพรรคฯ ส.ส.จังหวัดชลบุรี เพราะมีรายข่าวว่านายกฯบอก “เดี๋ยวพี่จัดการเอง” พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธว่า จะจัดการอะไร เขาให้ไปพูดคุยกัน เพราะจะสั่งใครได้ เป็นเรื่องของความรักความสามัคคี ก็อยู่พรรคเดียวกันก็ไปคุยกันเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนก็ไปคุยกัน เป็นเรื่องภายในเขา อย่าขยายความกันเยอะนักเลย

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทยขู่ถอนตัวจากพรรคร่วมหากกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน นายกฯ เมื่อฟังคำถามได้เงียบไปพักหนึ่งก่อนถามกลับว่า “เขาขู่ใครล่ะ เขาขู่ใคร เขาขู่กับผมรึเปล่า ก็ว่ากันมาก็แล้วกัน เพราะผมไม่ได้เข้าไปในสภา ไปยกมือเมื่อไหร่ รัฐบาลก็ทำเต็มที่ทุกขั้นตอนไปแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของสภาไปพิจารณากันเอาเอง”