นายกฯ ไม่ตอบ รทสช.เป็นพรรคเดียวกับ พปชร. หรือไม่ คาดปรับ ครม.ก่อนปีใหม่

นายกฯ ปัดตอบ ‘พล.อ.ประวิตร’ บอกพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ คาดปรับ ครม.ก่อนปีใหม่  ขณะที่ ‘พล.อ.ประวิตร’ ระบุหากตำแหน่งรัฐมนตรีว่างก็ปรับ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ระบุว่าพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคเดียวกันว่า ให้ไปอ่านบนจอ ติดตามสอบถามเรื่องของ กิจกรรมผลงานหลักสูตร ผู้บริหารระดับสูงผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง หรือ หลักสูตร ป.ย.ป.

ส่วนกรณีพล.อ.ประวิตร บอกว่าเป็นพรรคพี่พรรคน้องกัน แต่ต่างคนต่างอยู่นั้น นายกรัฐมนตรีไม่ตอบ ก่อนเดินเข้าห้องประชุม

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่าส่งชื่อนายนริศ ขำนุรักษ์ ให้นายกรัฐมนตรีนานแล้ว แต่ยังไม่มีการปรับ ครม. พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวปรับก็รู้เอง” 

ส่วนจะปรับใหญ่หรือปรับเล็ก และจะเป็นช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีผลอะไรกับสื่อไม่ใช่หรือ มีผลกับ ครม. ผมก็ปรับของผม เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อถามย้ำว่า กังวลหรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาลอึดอัดแบบนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็เสนอมาก็พิจารณาไงจ๊ะ” 

ส่วนจะปรับแค่สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ หรือจะปรับพรรคอื่นด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ากำลังพิจารณาอยู่  เมื่อถามย้ำว่าจะปรับก่อนปีใหม่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุเพียงว่า “ก็คงอย่างนั้น ว่างตรงไหนก็ปรับตรงนั้นแหละ”

เมื่อถามต่อว่า ระยะเวลาจะทันต่อการทำงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบคำถามว่า แต่ทำท่ายักษ์ไหล่และชูมือสองข้างก่อนเดินทางกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในกิจกรรมการนำเสนอผลการพัฒนาต้นแบบนโยบายภายใต้โครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง : ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (หลักสูตร ป.ย.ป.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.  2565 ที่อิมแพค เมืองทองธานี โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อช่วงเข้าได้พบกับคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ–อาเซียน (U.S. – ASEAN Business Council: USABC) ซึ่งเป็นสถานประกอบการของสหรัฐฯ เป็นการพูดคุยกันว่าหลังยุคโควิด-19 แล้วเราจะทำอะไรต่อไปบ้าง ทั้งเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี การวิจัยต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอีกหลายอย่าง ซึ่งจะนำพาประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง เพื่อมีศักยภาพในด้านการลงทุนต่อไป ซึ่งเราได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง 

ทั้งนี้โอกาสของประเทศไทยยังมีอีกมาก แต่โอกาสจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเราได้ทำเอง ซึ่งภาครัฐต้องเข้ามาสนับสนุน เพื่อให้การลงทุนต่างๆ เป็นไปตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามทุกวันนี้เรายังต้องประเชิญกับทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ความขัดแย้ง การขาดแคลนห่วงโซ่อุปทานต่างๆ รวมไปถึงภัยพิบัติ จึงทำให้เราต้องมีความพร้อมในทุกมิติ 

“ที่ลงนามกันไว้แบบเอ็มโอยู ตอนนี้กลายเป็นเอ็มโอดู  จึงขอให้ทำให้เกิดขึ้นได้จริง เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับหัวข้างบน เนื่องจากในส่วนข้างล่างซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่เขาปรับกันอยู่แล้ว ดังนั้นหัวข้างบนนี่แหละสำคัญ ที่จะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนสมอง ไม่มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดก็จะทำอะไรไม่ได้เลย แก้ปัญหาไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

‘พล.อ.ประวิตร’ ระบุหากตำแหน่งว่างต้องปรับ 

ด้าน พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพรรคกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าจะมีการปรับ ครม.ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐจะมีการเสนอชื่อให้มีการปรับ ครม.หรือไม่ ว่า ถ้ามันมีก็ต้องไปถามนายกฯ ดู เมื่อถามย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อรัฐมนตรีในการปรับครม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้ามีที่ว่างก็ต้องปรับ

เมื่อถามว่า นายกฯ ไม่ตอบเรื่องพรรคพี่พรรคน้อง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ต้องไปถามนายกฯ จะไปรู้ได้อย่างไร