นายกฯ ให้คดีเสือดำเป็นอุทาหรณ์ เตือนอย่าทำอีก ศาลเรียกไม่ไปต้องถูกออกหมายจับ พร้อมย้ำกรณีการขึ้นทางด่วนไม่เคยแบ่งแยกคนจนคนรวย ขออย่าหยิบเฉพาะคำพูดมาต่อกัน
วันที่ 7 ธ.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีศาลจังหวัดทองผาภูมิ นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีเสือดำของนายเปรมชัย กรรณสูต และพวกเข้าล่าเสือดำและสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี ในวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) นี้ หลังต่อสู้นาน 3 ปี ว่า เป็นคดีอุทาหรณ์ ก็อย่าไปทำ ศาลเรียกไปก็ไป จะมาบอกว่าไม่ไปแล้ว นายกฯ จะอย่างไร และตนก็ไม่ใช่เสือดำ แต่คนที่ศาลเรียกแล้วไม่ไป ก็ต้องถูกออกหมายจับก็แค่นั้น อีกทั้งรายชื่อต่างๆ ก็ถูกส่งไปชายแดน ทุกด่านตรวจก็ไปจับเอา ซึ่งก็เหมือนกับในทุกคดี
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. ยังไม่ได้หารือในเรื่องดังกล่าวใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของ ครม.
เมื่อถามว่า มีความรู้สึกอย่างไรกรณีที่มีการจับเอาคำพูดของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำ มาวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดไปเองไม่ใช่หรือว่าอย่าหยิบคำพูดบางอย่างมาต่อกัน ถามว่าใครล่ะที่ทำก็อยู่แถวแถวนี้ละมั้ง ทั้งนี้ขอให้ฟังกันยาวๆ ว่าความหมายที่ผมพูดคืออะไร ไม่เช่นนั้นยุทธศาสตร์ชาติ จะเขียนไว้ทำไม ในเรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การให้ความเป็นธรรม การเพิ่มขีดความสามารถ ดังนั้นทุกคนต้องร่วมมือกันตรงนี้ พูดอธิบาย และพยายามอธิบายยาวแล้วสื่อก็พยายามไปตัดต่อในส่วนที่เป็นประเด็น ยืนยันว่าไม่ได้แบ่งแยกคนจนกับคนรวยเสียเมื่อไหร่ เหตุผล คือทุกคนเข้าถึงโอกาสของตัวเอง พูดถึงการช่วยกันในลักษณะที่ว่าถ้าข้างบนไม่ติด ก็ช่วยแบ่งเบาไปบ้าง ข้างล่างก็จะได้ไม่ติดไม่ใช่หรือ ขอร้องว่าอย่าทำให้เป็นประเด็นในทุกเรื่องเลย ทุกเรื่องนายกฯ หวังดีทุกอัน บางทีพูดมากไป ก็ไปตัดตอน พูดน้อยไปก็บอกว่าพูดไม่รู้เรื่อง จะเอาอย่างไรกับตน
เมื่อกล่าวจบนายกรัฐมนตรีหันไปถามช่างภาพที่กำลังเก็บถาพว่า” ถ่ายทำไมถ่ายกันจัง ถ่ายกันไม่หยุด ถ่ายกันทำไมทุกอย่างก็เท่าเดิม