แกนนำ พปชร.ปัดตอบกระแสข่าว ชูนโยบาย ‘หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม’ คาดเป็นเรื่องพูดกันไปเอง

‘สุชาติ’ ยังไม่ยืนยันแคมเปญ “หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม” เชื่อเป็นเรื่องพูดกันเอง ด้าน ‘ชัยวุฒิ’ ไม่ทราบกระแสข่าวไม่ใช่ข้อสรุปพรรค แต่ยังสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ เผย 27 ต.ค. พปชร.เตรียมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ใต้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่ขอให้ความเห็น กรณีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐชูนโยบาย “หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม” เป็นแคมเปญในการหาเสียงครั้งต่อไป โดยระบุว่า ยังไม่ขอพูดถึง ส่วนความพร้อมในการจัดทำนโยบายนั้น ก็ยังไม่ได้พูดคุยหารือกันเรื่องจัดทำนโยบายต่างๆ ของพรรค ซึ่งอยากให้รอฟังความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ส่วนคำว่า “หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม” ส่วนตัวมองว่า อาจเป็นเรื่องที่พูดกันเอง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอะไร ส่วนพรรคจะเปิดนโยบายหรือแคมเปญใหม่ๆเมื่อไหร่นั้น นายสุชาติ ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด

ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ทราบกระแสข่าวในพรรคพลังประชารัฐ เตรียมกลไก “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันและสอบถามไปยังกรรมการผู้บริหารพรรค เพราะยังไม่ได้มีการประชุมหรือพูดคุยกันในเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องพิจารณากันอีกครั้ง แต่ยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐยังเป็นพรรคหลักของรัฐบาล และสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในการทำงานเพื่อให้เดินหน้าสร้างผลงานดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ส่วนตัวเชื่อว่า ผลงานของรัฐบาลก็จะเป็นตัวสำคัญที่นำไปสู่การเลือกตั้งและประชาชนยอมรับ โดยความสำเร็จของการเลือกตั้งก็จะมาจากการทำงานของรัฐบาล ดังนั้น จึงอย่าไปคิดเรื่องการเมือง แต่ต้องเร่งทำงานเพื่อประชาชนให้ดีที่สุด 

ส่วนการเปิดนโยบายของพรรคนั้น ก็คือการเร่งทำงาน ทุกอย่างที่ทำไปคือนโยบายของรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นจึงขอให้ดูที่ผลงานและสิ่งที่รัฐบาลทำ เชื่อว่า ทุกคนจะเข้าใจ วันนี้หากให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาล สถานการณ์ในประเทศทุกอย่างกำลังดีขึ้น ทั้งการพัฒนาการโครงสร้างพื้นฐาน การแก้กฎหมาย การปรับปรุงหลายอย่างที่ทำให้บ้านเมืองทันสมัยขึ้น แต่ก็เข้าใจว่า ยังมีภาวะโควิด สงครามรัสเซียยูเครน ที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ประชาชนลำบาก แต่ก็ยังดีกว่าประเทศอื่น ซึ่งตัวเลขการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในประเทศก็ดีขึ้น จึงเชื่อว่า ถ้ามองในแง่ดี ประชาชนจะเข้าใจและให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาล 

ส่วนกลไก “หมดที่ลุงตู่ สู่ที่ลุงป้อม” เป็นการออกมาเพื่อหยั่งเสียงประชาชนหรือไม่ นายชัยวุฒิ ย้ำว่า ยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ นักการเมืองย่อมมีการแสดงความคิดเห็นได้ ซึ่งถือเป็นความคิดที่แตกต่างหลากหลาย แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่ผู้บริหารพรรคและผู้ใหญ่ในพรรคต้องพูดคุยกัน ส่วนตัวมองว่า ยังไม่ได้ข้อสรุป และยังไม่เห็นว่า มีใครคุยกันเรื่องนี้ แต่ทุกคนมุ่งมั่นทำงานและยังรักสามัคคีกัน เพื่อให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ เชื่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานแก้ไขปัญหาได้ดี ส่วนในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ พรรคก็จะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้  พร้อมยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงแคนดิเดตนายกฯ แต่ทุกวันนี้ยังสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ

ส่วนการลงพื้นที่ของนายกฯ รับฟังปัญหาการระบายน้ำช่วยเหลือประชาชน จ.สิงห์บุรี พรุ่งนี้ (23 ต.ค.) นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในพื้นที่มีน้ำท่วมสูงย่อมมีความขัดแย้งเรื่องการระบายน้ำหรือคันกั้นน้ำ ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำก็จะได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากมีคันกั้นน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการวางแผนกันใหม่ โดยเฉพาะเรื่องการระบายน้ำเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับชาวบ้านมากเกินไป แต่ไม่ถือเป็นความขัดแย้งที่เป็นปัญหามาก โดยจะต้องพูดคุยกัน เพราะรัฐบาลต้องดูแลประชาชน ลดผลกระทบประชาชนให้น้อยที่สุด โดยต้องบริหารจัดการการระบายน้ำให้ดี ไม่ปล่อยไปให้พื้นที่นาข้าว และต้องเร่งระบายน้ำด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ หรือเปิดประตูระบายน้ำ แต่ในพื้นที่ก็เกิดความขัดแย้งมาโดยตลอด ซึ่งชาวบ้านจะกระทบกระทั่งกัน เพราะจำเป็นที่จะต้องมีการระบายน้ำ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องปรับปรุงระบบการระบายน้ำให้ดี และขณะนี้สถานการณ์ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำได้ลดลงแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้จะต้องวางแผนการฟื้นฟูและซ่อมแซมสาธารณูปโภค ทั้งโรงเรียน วัด และบ้านเรือนประชาชน โดยรัฐบาลก็เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยา ยืนยันว่า มีงบประมาณเพียงพอ 

สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาต่อต้านหรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่มีเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาประชาชน และไปดูแลจัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือประชาชน ถือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ และไม่อยากให้ใช้โอกาสนี้ทำในเรื่องของการเมือง เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งรัฐบาลก็อยากไปดูแลประชาชน รวมถึงเยี่ยมเยียนแก้ไขปัญหา ถ้าเอาการเมืองมาเล่นในช่วงนี้ สุดท้ายคนที่เดือดร้อนคือประชาชนที่อาจไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงอยากให้คิดถึงคนส่วนรวมด้วย อย่านำการเมืองมาปนทุกเรื่อง