SHARE

คัดลอกแล้ว

‘เพื่อไทย’ พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื้อหาและตัวบุคคลอภิปรายไม่ไว้วางใจ เผยยังไม่มี ‘เศรษฐกิจไทย’ ติดต่อขอร่วมอภิปราย ขอประชาชนติดตามผ่านทางการถ่ายทอดสด ขณะที่ ‘ประชาธิปัตย์’ เตรียมประชุม ส.ส. ส่วน’พนิต’ ขอ ส.ส.อย่ายกมือแลกผลประโยชน์ เผยมีความพยายามเข้ามาล็อบบี้ขอคะแนน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของฝ่ายค้าน สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 19 ก.ค.ว่า ว่า พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ครบทั้งบุคคลที่อภิปรายและเนื้อหาที่อภิปราย

เมื่อถามว่า หลังจากที่พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีการหารือเรื่องการจัดสรรเวลาให้พรรค ศท.ด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานมา ถ้ามีการประสานมาขออภิปรายก็ต้องมีการนำเรื่องมาหารือกันในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากว่า แต่ละพรรคได้เตรียมคน เตรียมเนื้อหาไว้หมดแล้ว

เมื่อถามย้ำว่า หากพรรค ศท. จะร่วมอภิปราย จะต้องมีการหารืออีกครั้งวันใด นายประเสริฐ กล่าวว่า ต้องดูทางฝั่งพรรค ศท. ว่าประสานงานมาหรือยัง เราจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 19 ก.ค.นี้แล้ว ถ้าภายในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) ยังไม่มีการประสานงานมา เกรงว่าจะไม่ทัน เพราะว่าต้องมีการมาพูดคุยกัน เตรียมเนื้อหา เตรียมเรื่องอภิปรายซ้ำซ้อน ต้องบริหารเวลา ณ ขณะนี้ เรื่องการแบ่งเวลาให้แต่ละพรรคร่วมฝ่ายค้าน ค่อนข้างจะลงตัวหมดแล้ว

เมื่อถามว่า หลังมีกระแสว่าพรรคฝ่ายค้านจะมี 2 รัฐมนตรีโดนสอยร่วงในสภา ขณะเดียวกันอาจเป็นไปได้ไหมว่าจะมีมากกว่า 2 คน นายประเสริฐ กล่าวว่า มี เพราะหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะยื่นคำร้องไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า หากอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้หลายฝ่ายมองว่า ฝ่ายค้านอาจล้มรัฐบาลได้ยาก เพราะมีงูเห่าที่คอยสนับสนุนรัฐบาลอยู่ มองในส่วนนี้อย่างไร นายประเสริฐ กล่าวว่า ในเรื่องนี้พยายามป้องกันอยู่ ถ้าดูจากผลโหวตงบประมาณ ชี้ชัดว่ามีบุคคลที่อยู่ฝ่ายค้านแต่ไปโหวตให้รัฐบาลนั้นมี ทีนี้ ณ ขนาดนี้เข้าใจว่าหมดแล้ว ไม่มีแล้วตอนนี้ ขณะเดียวกันทางฝั่งพรรค ศท. ประกาศตัวว่าเป็นฝ่ายค้านร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นเราจะได้เสียงส่วนนี้มาส่วนหนึ่ง ประมาณตัวเลขจากสมาชิกพรรค ศท. 18 เสียง และมีพรรคเล็กพรรคน้อยที่เคยพูดไว้ จะมาโหวตไม่ไว้วางใจร่วมกับฝ่ายค้าน ก็มีหลายคน ก็อาจจมีเสียงร่วม 30 คน หรือไม่น้อยกว่า 20 คน เป็นพลังที่ทำให้รัฐบาลสั่นไหวได้

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับกลุ่ม 16 หรือยัง นายประเสริฐ กล่าวว่า ยังไม่มีการลงรายละเอียด ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะช่วงนี้กำลังเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน เพราะฉะนั้นยังไม่ได้มีการเจรจากับกลุ่ม 16 แต่ฟังจาก นายพิเชษฐ สถิรชวาล เคยพูดในประเด็นเรื่องท่อส่งน้ำ EEC บอกว่ามีความไม่ชอบมาพากล นายพิเชษฐ จะไม่โหวตให้ฝ่ายรัฐบาล ก็เป็นสัญญาณทิศทางหนึ่งที่มั่นใจว่า เสียงส่วนหนึ่งที่ได้รับฟังข้อมูล อาจเปลี่ยนใจมาสนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า พรรค พท. ปล่อยทีเซอร์คลิปโหมโรงศึกซักฟอก ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลักษณะนี้มีนัยยะอะไรหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า แคมเปญตรงนี้ เราเห็นว่าประชาชนเบื่อเรื่องการเมือง จึงทำแคมเปญชุดนี้ออกมา เพื่อจะดึงดูดความสนใจของประชาชนให้มาร่วมดูการถ่ายทอดสดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ความสำคัญคือวันนี้ประเทศชาติไปไม่ไหวแล้ว อยากให้ประชาชนได้มาดูการถ่ายทอดสดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเห็นว่าเนื้อหาที่เราเตรียมไว้ ไม่ได้ทำเล่นๆ มีการเตรียมการ วิเคราะห์ข้อมูล ซักซ้อมไว้หลายอย่าง

ปชป.เรียกประชุมเตรียมความพร้อมสู้ศึกอภิปราย

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า เรียกประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. และจะมีการลงมติในวันที่ 23 ก.ค.นี้

“การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการทำหน้าที่ตามปกติของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่ามีการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายทุจริต ทำผิดกฎหมาย และมีการบริหารราชการแผ่นดินที่ขาดตกบกพร่องหรือไม่อย่างไร ซึ่งรัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องชี้แจงแสดงเหตุผลว่า การทำงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างที่ฝ่ายค้านอภิปรายหรือไม่ ถือเป็นความสวยงามของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีรัฐมนตรีถูกอภิปราย 3 คน คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเมื่อดูจากเนื้อหาในญัตติที่จะอภิปรายเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ เชื่อว่ารัฐมนตรีสามารถชี้แจงแสดงเหตุผลให้ ส.ส. ในสภาเข้าใจได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องเก่าที่เคยอภิปรายไปแล้วมาอภิปรายอีกก็สามารถทำได้ คงอยู่ที่ดุลพินิจของฝ่ายค้านที่จะพิจารณา

สำหรับเรื่องการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ขณะที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองย้ายขั้วสลับข้างของหลายพรรคการเมืองจะส่งผลกระทบอะไรกับรัฐบาลหรือไม่นั้น นายองอาจ กล่าวว่า การลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่น่าส่งผลกระทบอะไรต่อรัฐบาล เชื่อว่าเสียงของ ส.ส. ซีกรัฐบาลในสภาจะทำให้การลงมติในสภาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

“ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีการกำชับอะไรกันเป็นพิเศษในการลงมติ คงจะมีการพูดคุยแสดงความคิดเห็นกันในการประชุม ส.ส. ของพรรคในวันจันทร์นี้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะแสดงความคิดเห็นอย่างไร ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนมากก็ลงมติไปในทิศทางเดียวกัน” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวว่า การลงมติของ ส.ส. ในสภา ถือเป็นเอกสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นการทำหน้าที่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวมมากกว่าเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องแต่เพียงอย่างเดียว

‘พนิต’ ขอโหวตเพื่ออนาคตชาติ อย่ายกมือแลก “กล้วย”

ด้านนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเพจ Panich Vikitsreth – พนิต วิกิตเศรษฐ์  เรื่อง “โหวตเพื่ออนาคตชาติ อย่ายกมือเพราะกล้วย” ว่า ช่วงก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. และจะมีการลงมติกันในวันที่ 23 ก.ค.นี้ มีกระแสข่าวเรื่องการล็อบบี้โดยมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกันต่างๆ นานา เพื่อรวบรวมเสียงให้ฝั่งตัวเอง ไม่ว่าจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล

การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นกลไกตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ เป็นเวทีที่ให้ ส.ส.ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าล้มเหลว หรือมีเรื่องทุจริตไม่ชอบมาพากลอะไรหรือไม่ ขณะที่การตัดสินใจว่าจะยกมือไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจให้กับนายกฯ หรือรัฐมนตรีคนใด ถือเป็นดุลพินิจของ ส.ส.แต่ละคน เพราะผู้แทนทุกคนมีเอกสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องอยู่ภายใต้การครอบงำของใคร

ส่วนเรื่องการลงมติไปในทิศทางใดนั้น เห็นว่า ส.ส.แต่ละท่าน ไม่ควรรีบสรุปว่าลงมตินายกฯ หรือ รัฐมนตรีคนใด ตั้งแต่ยังไม่เห็นข้อมูลเอกสารหลักฐานของฝ่ายค้าน หรือแม้แต่คำชี้แจงของรัฐมนตรี เพราะมันเป็นการทำให้ประชาชนสิ้นหวังกับกลไกตรวจสอบดังกล่าว เราควรรอดูข้อมูลจากฝ่ายค้านเสียก่อนว่า มีน้ำหนักเพียงใด และรัฐมนตรีแต่ละคนสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้หรือไม่ แล้วจึงมาตัดสินใจว่าจะโหวตอย่างไร

อย่าใช้ความเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือเกมการเมือง มาเป็นหลักในการตัดสินใจอย่างเดียว โดยไม่ได้สนข้อมูลใดๆ เพราะหากมีการบริหารล้มเหลว และส่อเค้าทุจริตคอร์รัปชั่น มันเท่ากับเราหลับหูหลับตาให้กับสิ่งเหล่านี้ ไม่ต่างอะไรกับการส่งเสริมให้คนพวกนี้กระทำผิดโดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้

ในส่วนของตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะโหวตให้ใครอะไร อย่างไรแม้จะมีหลายฝ่ายพยายามเข้ามาล็อบบี้ขอคะแนนเสียง แต่หลักการของตนคือ จะไม่มีทางโหวตไว้วางใจให้กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนในโครงการต่างๆ ทั้งที่มีการเผยแพร่หลักฐานออกมาก่อนหน้าการอภิปรายและระหว่างการอภิปราย

เรื่องความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เป็นอีกเรื่องที่จะไม่ยอมปล่อยผ่านเช่นเดียวกัน เพราะมันเท่ากับหลิ่วตาให้พี่น้องประชาชนต้องทนทุกข์ต่อไป รวมทั้งไม่ก้มหน้าก้มตายกมือไว้วางใจให้กับคนที่ถูกมองว่าเป็นผู้สร้างปัญหาให้ประเทศ การปล่อยให้ชาวบ้านรับภาระค่าครองครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งราคาน้ำมัน ทั้งราคาสินค้าอุปโภคบริโภคตลอดจนนโยบายที่เป็นการเพิ่มภาระและซ้ำเติมประชาชน และมันไม่เห็นวี่แววแห่งการฟื้นตัว โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ปรับคาดการณ์จีดีพีทั้งปี 2565 ลงจากระดับ 3.5 – 4.5% เหลือ 2.5 – 3.5% หรือค่ากลางที่ 3 %

ขณะที่การฟื้นตัวของไทย ยังช้าเป็นอันดับท้ายๆ ของภูมิภาคอาเซียน โดยฟิลิปปินส์อยู่ที่ 8.3% เวียดนาม 5.03% อินโดนีเซีย 5.01% มาเลเซีย 5% สิงคโปร์ 3.4% ในขณะที่เราอยู่ที่ 2.2% ในส่วนของเงินเฟ้อของไทยเดือน เดือน พ.ค.อยู่ที่ 7.10% ถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 13 ปี จำนวนหนี้สินเฉลี่ยของครัวเรือนในปี 2564 อยู่ที่ 205,679 บาท เพิ่มขึ้น 25.4% เมื่อเทียบกับหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่ 164,005 บาท ในปี 2562 ขณะที่ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทย มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนเลขหนี้ทะลุ 60% ของจีดีพี ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประเทศศรีลังกาเป็นกรณีศึกษาที่เราควรตระหนัก หากเรายังดื้อดึงจะเดินในแนวเดิมๆ ต่อ อย่าคิดว่าจุดจบจะเป็นแบบนั้นไม่ได้

3 ปีผ่านไป ประชาชนหมดความศรัทธากับพวกเรา การอภิปรายครั้งนี้พวกเขาจับตาและจะพิสูจน์ ส.ส.แต่ละคนว่า จะยกมือเพื่ออนาคตของชาติ หรือจะยกมือเพราะกล้วยเพราะโดนครอบงำ

“ผมว่า มันหมดเวลาแล้วที่ ส.ส.จะเล่นเกมการเมือง ไม่ว่าสังกัดพรรคไหน และมันถึงเวลาแล้วที่เราต้องโหวตจากจิตสำนึกความเป็นผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนประชาชน ไม่ว่ารัฐมนตรีท่านใดจะเป็น “คนดี” ขนาดไหน หากบริหารเศรษฐกิจประเทศล้มเหลว และยังปล่อยให้มีเรื่องทุจริตผมจะไม่ยกมือให้” นายพนิต กล่าว

‘อรรถวิชช์’ ผิดหวังฝ่ายค้านน้ำมันแพง แต่ไม่มีชื่อ รมว.พลังงาน ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ คาดหวังประเด็นที่จะอภิปราย จะต้องเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้อง โดยเฉพาะวิกฤตน้ำมันแพง แต่กลับไม่มีชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อยู่ในญัตติของพรรคฝ่ายค้าน

“น้ำมันแพง เป็นต้นเหตุสินค้าแพง กองทุนน้ำมันที่ทำหน้าที่ช่วยพยุงราคาน้ำมันก็ติดลบ เสียหายกว่าแสนล้านบาทแล้ว ประชาชนเติมน้ำมันที กระเป๋าแทบฉีก เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ประชาชนคาดหวังฟังอภิปราย” นายอรรถวิชช์ กล่าว

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า พรรคกล้าเคยตั้งข้อสังเกตเรื่องน้ำมันแพง โดยเฉพาะค่าการกลั่นที่สูงผิดปกติ ทำให้โรงกลั่นฟันกำไรใน 3 เดือนแรกของปีนี้ สูงกว่ากำไรของปีที่แล้วทั้งปี โดยเราเสนอทางแก้ ทั้งการลดและกำหนดเพดานค่าการกลั่น รวมถึงการเก็บภาษีลาภลอย เพื่อนำเงินมาช่วยกองทุนน้ำมันที่ติดลบกว่าแสนล้าน แต่จนบัดนี้ กระทรวงพลังงานก็ยังไม่ชัดเจน เดือนก่อนบอกโรงกลั่นจะให้เงิน 24,000 ล้านบาท มาเดือนนี้ยอดลดลงมากและเคลียร์กันไม่ลงตัวเสียที

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคกล้าเคยเสนอให้ออกกฎหมายลาภลอยเหมือนกับที่ประเทศอื่นทำกัน มันจะชัดเจนกับทุกฝ่าย โรงกลั่นเป็นบริษัทมหาชน เขาต้องรับผิดชอบกับผู้ถือหุ้นด้วย ไม่ใช่มาขอบริจาคมากน้อย ตามแต่ต่อรองแบบนี้ ทั้งไม่ชัดเจน ไม่โปร่งใส เรื่องสำคัญแบบนี้ แต่ฝ่ายค้านไม่ใส่ชื่อรัฐมนตรีพลังงานในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้ทุกฝ่ายทางการเมือง อย่าปล่อยให้ธุรกิจน้ำมันเป็นแดนสนธยาที่ไม่ใครกล้าแตะ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า