SHARE

คัดลอกแล้ว

นายกฯ แจงละเอียดงบความมั่นคง ติงฝ่ายค้านอย่าอภิปรายตัดกำลังใจตำรวจ ทหาร และพลเรือน

วันที่ 2 มิ.ย. 2565 เวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงงานสอบสวนตำรวจไม่อยากจะทำงาน เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ และไม่มีความก้าวหน้า โดยสรุประบุว่า ปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดสรร “เงินค่าตอบแทนสำนวนการสอบสวน” เพิ่มขึ้นให้ถึง 400 ล้านบาทเศษ และยังจัดสรรเงินเพิ่มในช่วงใกล้สิ้นงบประมาณอีก 50-150 ล้านบาท รวมเป็นเงิน กว่า 600 ล้านบาท ส่วนความก้าวหน้าในชีวิตราชการ ตำรวจทุกนายจะไม่สามารถเลื่อนเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจได้หากไม่ผ่านงานด้านสอบสวน โดยบรรจุพนักงานสอบสวน 1,700 นาย เพิ่มเป็น 13,000 นาย และบรรจุผู้ช่วยอีก 3,000 นาย และจะเป็นผู้ช่วยให้อีกเป็น 3-4 นายต่อพนักงานสอบสวน 1 นาย เพื่อแบ่งเบาภาระสำนวนคดีที่มีมาก พร้อมย้ำความจำเป็นของการมีตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยครอบคลุม 31 จังหวัดชายแดน ได้รับวงเงิน 3,000 ล้านบาท เฉลี่ยแล้ว ตชด. จะใช้เงินวันละ 315 บาทต่อหมู่บ้าน ซึ่งตำรวจท้องถิ่นจำกัดในการเข้าไปดูแลภารกิจดังกล่าว

“เรื่องความมั่นคงนี่ผมก็ฟังมาหลายวันแล้ว เพราะฉะนั้นท่านอาจจะลืมไปว่าทุกวันนี้ที่บ้านเมืองทั้งชายแดน ทั้งพื้นที่ตอนในอะไรต่างๆ เหล่านี้ เราก็ใช้คนเหล่านี้เข้ามาทำงานร่วมกับฝ่ายพลเรือนทั้งสิ้น เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหาร เป็นการบูรณาการใช้กำลังร่วมกันในหลายๆ ภารกิจ ซึ่งได้กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญด้วย ว่าทหารตำรวจต้องมีในเรื่องการพัฒนาประเทศ… การช่วยเหลือประชาชนไปด้วย พร้อมป้องกันประเทศ และปราบปรามอาชญากรรม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนที่อภิปรายเปรียบเทียบกับการจัดงบประมาณสวัสดิการของประชาชนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ภายใต้งบประมาณที่จำกัดนั้น รัฐบาลได้มีความตั้งใจที่จะดูแลประชาชนตามช่วงวัย กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ให้เข้าถึงสวัสดิการโดยตรง โดยเฉพาะสวัสดิการสังคม และจะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เรามีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย จากสิ่งที่อภิปรายกันมา หลายเรื่องต้องทำต่อ หลายเรื่องต้องทำใหม่ เราให้ความสำคัญกับประชาชนที่สุดอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องดูแลข้าราชการด้วย ในเรื่องความมั่นคง ยืนยันรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม ก็พยายามจะใช้งบประมาณอย่างจำกัด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความพร้อมในเตรียมการรับสถานการณ์ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่มีอะไรประกันได้ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นมาเลยในอนาคต ท่านก็เห็นจากสถานการณ์ในภูมิภาคอื่นของโลกมาแล้ว แล้ววันนี้ก็มีอยู่หลายกลุ่มที่เกิดขึ้นใหม่ๆ อาเซียนยังคงมีความเข้มแข็งอยู่ แต่อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับกลุ่มต่างๆ แตกต่างออกไปทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้เป็นการประมาณการตามความจำเป็นในการจัดหาจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า โดย 2 ปีที่ผ่านมา เราก็ลดงบประมาณไปมากพอสมควร แต่ก็ต้องเห็นใจว่าการทำในเรื่องเหล่านี้ก็ต้องมีการวางแผนงานไว้ล่วงหน้า มีการจัดเตรียมงบประมาณ มีการเตรียมการจัดการฝึก การใช้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเราไม่สามารถจะปล่อยยุทโธปกรณ์ต่างๆ นั้น หมดอายุไปก่อนได้ก่อน เมื่อถึงเวลาหมดอายุแล้วค่อยจัดหา มันเป็นไปไม่ได้ ต้องใช้เวลามากพอสมควร การจัดซื้ออะไรก็ตาม ทำไมเราไม่ซื้ออย่างนั้น ทำไมไม่ซื้ออย่างนี้ก็ในเมื่อมันแพงก็ซื้อแค่นี้ก่อนอย่างน้อยเราก็มีอะไรที่จะต่อระยะสายตาออกไป ถ้าเรามองว่าทำไมไม่ซื้อที่ดีๆ จากต่างประเทศเขาใช้ ติดอาวุธด้วยอะไรด้วย ถ้าตนขอก็ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นก็เอาต่อระยะสายตาให้ได้ ในการตรวจการทางทะเล ทางบก ซึ่งมีความจำเป็นทั้งสิ้นพื้นที่รับผิดชอบทางบก ทางทะเลเรามหาศาล พื้นที่ชายแดน พื้นที่อีก 200 ไมล์ทะเล จะทำอย่างไรตรงนั้น แล้วก็ไม่สามารถพูดในที่ประชุมตรงนี้ได้ว่า วันนี้ได้มีการเพิ่มเติมยุทโธปกรณ์เพื่อนบ้านได้มากเพียงใด เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง… ไม่ต้องซื้อ ซื้อราคาถูก หรือไม่ก็ได้รับการช่วยเหลือ ประเทศไทยไม่เคยได้รับช่วยจากใครมาหลายปีมาแล้ว เราต้องพึ่งตัวเองมาตลอด เราถึงมีการจัดตั้งศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศฯ ขึ้นมา มีการทำงานเพื่อจะพัฒนาสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาทดแทนในการที่จะจัดซื้อจากต่างประเทศ อะไรที่จำเป็นก็ซื้อเท่าที่จำเป็น อะไรที่เราทำไม่ได้ก็ต้องซื้อเขา แต่ในเรื่องของการทุจริต การไม่ชอบ มีผลประโยชน์อะไรต่างๆ ก็ไปสอบสวนกันมา คิดว่าเจ้าหน้าที่ กรรมการผู้รับผิดชอบชี้แจงได้ มีคณะกรรมการจากหน่วยงานภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบ

“ไม่ใช่ผมอยากจะซื้อแล้วผมไม่สนใจประชาชน ถ้าพูดกันอย่างนี้แล้วจะอยู่กันยังไงครับ ผมก็ไม่ได้โทษใคร เพียงแต่ผมพูดให้ฟัง พอพูดให้ฟังท่านก็หาว่าผมไปโทษคนอื่น แต่ถึงเวลามีปัญหาขึ้นมา ท่านก็โทษผมอยู่ดี วันนี้ที่ท่านนั่งกันอยู่ทุกวันนี้ใครเขาทำงาน บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ค้าขายได้ ถนนไม่ถูกปิด ใครเขาทำงานครับ ถึงแม้จะมีคนบางคนไปส่งเสริมสนับสนุนกันอยู่ก็ตาม ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะกฎหมายเขามีอยู่แล้ว ท่านก็ว่า ผมไปกดดันไปห้ามไปควบคุม กฎหมายครับ แล้วคนที่ทำให้ท่านสามารถมาพูดได้ตรงนี้ ก็เจ้าหน้าที่ทั้งนั้นแหละครับ ที่ทำให้ท่านมานั่งพูดได้อย่างสบายใจอยู่ตรงนี้ ถ้าท่านทำลายขวัญเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะพลเรือน ตำรวจ ทหารไปเรื่อยๆ อีกหน่อยใครจะทำงาน ใครจะทำให้ท่าน เราจะมีความสงบสุขในบ้านในเมืองเราไหมครับ ปัญหามันอยู่ที่หลายอย่างด้วยกัน ผมรับผิดชอบทุกอัน เพราะฉะนั้นทุกคนก็มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว มีทั้งสิทธิและหน้าที่ที่ท่านต้องทำเพื่อประเทศชาติของท่าน”

ทั้งนี้ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงจบ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ขอใช้สิทธิ์พาดพิง โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลุกออกจากที่นั่งในห้องประชุมทันที ทำให้นางอมรัตน์ กล่าวว่า “ท่านนายกฯ จะไปไหนคะ ท่านพูดแล้วก็หนีทุกครั้งเลยนะคะ ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ คนที่ไม่เคยรับฟังนะคะ แล้วพูดอะไรไม่เคยกระชับ ตัวเองพูดซะยาวแล้วให้คนอื่นนั่งฟัง”

ขณะที่ทางนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมจะคัดค้านนางอมรัตน์ แต่สุดท้ายนางอมรัตน์ ได้ชี้แจงเรื่องที่ตนอภิปรายเกี่ยวกับงบของตชด. ที่อุ้ยอ้ายเพื่อปรับเกลี่ยลดมาเติมภารกิจของพนักงานสอบสวนเพื่อเติมขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ไม่ได้บั่นทอน ที่นายกฯ พูดว่า พนักงานสอบสวนมีกว่า 12,000 ตำแหน่ง อันนี้ไม่จริงเพราะมีแต่ตำแหน่งแต่ไม่มีคนทำงาน เพราะพนักงานสอบสวนงานหนัก กดดัน คนทำงานจริงมีเพียงกว่า 7,000 คนเท่านั้น เงินประจำตำแหน่งก็ไม่จริง เงินประจำตำแหน่งของพนักงานสอบสวน 9,000 บาท ของรองผู้กำกับ 12,000 บาท ต้องมาใช้เติมน้ำมัน ซื้อคอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์ ผ้าหมึกเอง อย่ามาพูดว่าเป็นเงินสำหรับขวัญกำลังใจไม่จริง เรื่องตชด. นายกฯ เป็นมา 8 ปีแล้วไม่ได้ทำให้ถิ่นทรุกันดารน้อยลงหรือ ถ้าเป็นไม่ได้ทำให้มีความเจริญมากขึ้น ตนจะยอมให้ใช้งบตชด. เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ถนน การศึกษาทางไกลก็มาช่วยครูตชด. ได้ ไม่ได้ตัดแต่ให้ปรับลด และนำไปเพิ่มให้งานในเมือง

“งบประมาณรายจ่ายปี 66 ไม่ใช่เฉพาะเป็นช้างป่วยอย่างเดียวแต่ยังมีควาญช้างที่โง่เขลาเบาปัญญาด้วย” นางอมรัตน์ กล่าว

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลอีกคนได้อภิปรายงบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า ปีนี้งบประมาณกระทรวงกลาโหม 197,293 ล้านบาท เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่งบกระทรวงกลาโหมต่ำที่สุด แต่เมื่อลงในรายละเอียดพบว่า งบรายจ่ายบุคลากรภาครัฐกลับเพิ่มขึ้น 2.3 % เพราะกองทัพมีกำลังพลมากเกินไป มีนายพลมากเกินไป ขอบคุณที่ลดงบซื้ออาวุธลงซื้อเท่าที่จำเป็น แต่ไม่เข้าใจว่างบที่เกี่ยวกับทหารเกณฑ์มีความจำเป็นขนาดไหนถึงลดไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.42 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับสภาผู้แทนราษฎร ขอบคุณการอภิปรายตลอด 2 วันที่ผ่านมา ย้ำว่าหลายเรื่องที่อภิปรายมีประโยชน์จะนำไปพิจารณาปรับลดงบประมาณ และได้ออกจากที่ประชุมสภาเนื่องจาก ติดภารกิจ 

ภาพจาก : ประชาสัมพันธ์ สภาผู้แทนราษฎร

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า