นายกฯ ห่วงการใช้จ่ายของประชาชน แนะปรับพฤติกรรม เลือกใช้-เลือกกิน ให้เหมาะสมกับสถานะ

นายกฯ ห่วงการใช้จ่ายประชาชน รายได้ลด ขณะที่ราคาสินค้า-พลังงานปรับสูงขึ้น แนะปรับพฤติกรรม มีเงินน้อย ต้องเลือกใช้ เลือกกิน ให้เหมาะสมกับสถานะตัวเอง

วันที่ 19 เม.ย. 2565 หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่ดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา และเห็นว่าสงกรานต์ปีนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ ในการจะขับเคลื่อนประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจตามแผนด้วยโรดแมปของเราหลังโควิด ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การลงทุน การส่งออก และการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน

โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และผู้สูงอายุ ซึ่งเราจะต้องวางแผนการรับมือสังคมผู้สูงอายุที่จะการเข้ามาอย่างรวดเร็ว รัฐบาลได้เตรียมการทุกมิติอย่างเต็มที่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่งบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยสรุปได้ใช้เงินดูแลคนทุกช่วงวัย ใช้งบประมาณไปกว่า 800,000 ล้านบาท ดังนั้นการที่จะเพิ่มขึ้นต้องดูงบประมาณว่าจะหาเพิ่มขึ้นได้อย่างไรในอนาคต รองรับการใช้จ่ายเงินในส่วนนี้ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเรื่องการเกษตร พืชหลัก 6 ชนิด และอื่น ซึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท

สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณในปี 2565 และการจัดทำงบประมาณในปี 2566 ได้ให้งบประมาณไปแล้วว่าจะทำอย่างไรที่จะนำพาประเทศของเรา ผ่านปัญหาอุปสรรคและวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่เราควบคุมไม่ได้ นำไปสู่อนาคตได้อย่างไร โดยใช้หลักการ “ทำให้อยู่รอด ปลอดภัย พอเพียง และนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต” ซึ่งได้สั่งการในครม. วันนี้ว่าจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ในขณะที่รายได้เราลดลงหลายๆ เรื่อง แม้การส่งออกจะดีขึ้นก็ตาม

ขณะที่ การแก้ปัญหาระบบการเงินการคลังทางกนง. (คณะกรรมการนโยบายการเงิน) ได้ชี้แจงมาแล้วว่า เรายังมีเสถียรภาพที่เข็มแข็งเพียงพออยู่ เพียงแต่ว่า งบประมาณที่นำมาใช้ในการบริหารประเทศนั้น อาจจะต้องลดลงบ้างอะไรทำนองนี้ แน่นอนว่าจะเกิดผลกระทบ ตนจึงได้บอกว่า เราได้ใช้งบประมาณในการดูแลกลุ่มเปราะบาง หรือผู้มีรายได้น้อยจำนวนสูงมาก ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง ขนาดใหญ่ไว้ด้วย เพราะเขาเป็นแหล่งจ้างงาน เพื่อให้เกิดห่วงโซ่ จึงต้องหามาตรการดูแลไว้ด้วย ไม่เช่นนั้น การจ้างงานก็ลดลง รวมการพัฒนาฝีมือแรงงานไปสู่การมีรายได้ในอนาคต

“ผมก็เป็นห่วงเรื่องการใช้จ่ายของประชาชน วันนี้รายได้ก็ลดลง ขณะเดียวกันราคาสินค้าอุปโภคบริโภค พลังงานก็สูงขึ้น ทำให้รายได้ที่เขาได้ในแต่ละวัน แต่ละเดือนนั้นไม่เพียงพอ เพราะใช้จ่ายไปในเรื่องของการใช้จ่ายดำรงชีวิตประจำวัน มันเกือบถึง 50 % ของรายได้เขาแล้ว หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป เพราะรายได้มันไม่มากนัก เพราะฉะนั้นต้องอยู่ที่พฤติกรรมด้วย เราก็ต้องปรับเปลี่ยนไปด้วย เรามีเงินน้อย เราก็ต้องเลือกใช้ เลือกกิน เลือกอะไรต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานะของเราในขณะนี้ ก็คงไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่สนใจในเรื่องของความเหลื่อมล้ำ เราพยายามจะยกระดับรายได้ตรงนี้ให้มากยิ่งขึ้นก็พอดีมันก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมาอีกหลายอย่างแล้วท่าทางจะดีขึ้นแล้วล่ะ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจตรงนี้ วันนี้ก็ได้สั่งการให้มีมาตรการต่างๆ ทยอยออกมาเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้เพิ่มเติมขึ้นมาให้ได้ อันนี้ก็ต้องเข้าใจตรงกันนะฮะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่งสัญญาณ’กู้เงิน’ เพิ่ม – เล็งออก ‘คนละครึ่ง เฟส 5’

ขณะที่ ผู้สื่อข่าวถามรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “กำลังหารือกันอยู่ว่ามันจำเป็นค่อยหารือกัน ก็เตรียมมาตรการไว้แล้วกัน อย่างที่ผมบอกว่า การจะทำให้อยู่รอดและปลอดภัย แล้วก็เพียงพอ ยั่งยืน Step by Step ต้องใช้เงินอย่างไร เงินมีอยู่เท่าไหร่ จำเป็นต้องหาเพิ่มไหม ตรงนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนหารือกันอยู่ อันนี้อย่าให้เป็นประเด็นแล้วกัน ไม่ใช่เป็นว่ารัฐบาล… ถ้าเราไม่ต้องดูแลในช่วงโควิด ไม่เกิดปัญหาตรงนี้ ผมคิดว่าประเทศไทย จะอยู่ในสภาพที่ดีกว่านี้ แต่นี่บังคับไม่ได้ สถานการณ์ภายนอก บังคับไม่ได้ มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา เราก็ต้องบริหารให้ดีที่สุดแล้วกันเนอะ”

ส่วนมาตรการที่กำลังพิจารณา คือ โครงการ ‘คนละครึ่ง เฟส 5’ หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ให้แนวทางไปแล้ว ใช้เงินเยอะพอสมควร แต่ถ้าพูดถึงผลดีก็มีเยอะ มันทำให้เกิดเงินหมุนเวียนหลายเท่าในตรงนั้น แต่ปัญหาคืองบประมาณมากจากไหน ก็ต้องหาวิธีการ แต่ถ้าทำแล้ว ทุกอย่างกลายเป็นเอามาโจมตีกลับไปกลับมากันหมด รัฐบาลก็ลำบาก ทำงานลำบาก บางอย่างก็ต้องเข้ากันบ้างถึงเหตุผลและความจำเป็น เพราะวันนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ เราก็ใช้จ่ายอย่างประหยัด เท่าที่มีงบประมาณอยู่ งบเงินกู้ที่กู้มาก็ใช้ไปมากแล้วล่ะในการที่เรามีชีวิตอยู่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมันยังมีความเสี่ยงอยู่หลายอย่างด้วยกัน เผอิญมาเจอสงครามเข้าไปอีก ทุกรัฐบาลไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ผมคิดว่าทุกคนก็พยายามช่วยกันอย่างเต็มที่แล้วล่ะก็ขอความร่วมมือจากประชาชนให้เข้าใจ ผมขอเพียงความเข้าใจเท่านั้นเอง ถ้ามัวแต่โจมตีกันไปกันมา มันก็ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง แล้วเราก็ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย”

รัฐบาลเตรียมจัดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการจัดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชนหลังเทศกาลสงกรานต์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังเตรียมอยู่ อยากจะคุยกับประชาชนในนามของรัฐบาล จริงๆ แล้วหลายๆ ฝ่ายอยากจะรู้ อยากจะทราบตรงนี้ ทั้งภาคเอกชนธุรกิจต่างๆ ก็อยากจะสอบถามรัฐบาลในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็เปิดเวทีให้ แล้วเราก็จะจัดคนไปชี้แจง แล้วก็รับฟังปัญหา เพื่อนำไปสู่หาวิธีการแก้ไขทั้งสองทาง จะจัดพื้นที่ภายนอก ไม่ใช่สถานที่ราชการ หาพื้นที่เปิดเหมือนเวทีสัมมนาทั่วไป ซึ่งหลายคนก็เปิดเวทีเช่นนี้ใช่หรือไม่ ส่วนโอกาสที่จะไปรับฟังด้วยตนเองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ตนจะไปเปิดงานให้ครบถ้วน แล้วจะมีคณะทำงานไปเสวนาโต้ตอบ ถึงตนจะอยู่หรือไม่ก็ทราบตลอด

ที่มา / ภาพ : ทำเนียบรัฐบาล