นายกฯ บอกราคาน้ำมันยังไม่มีแนวโน้มลดลงเลย สั่งตรึงจนกว่าจะตรึงไม่ได้ พรุ่งนี้เบนซิล-โซฮอล์ขึ้นอีก 80 สต.

นายกฯ เผย สถานการณ์ราคาน้ำมันช่วงสงคราม ยังไม่มีแนวโน้มจะลดลงเลย ลั่นจะตรึงดีเซลลิตรละ 30 บาท จนกว่าจะตรึงไม่ได้ ขณะที่พรุ่งนี้ (10 มี.ค.) ราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซิน-โซฮอล์ ปรับขึ้น 80 สตางค์/ลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลคงราคาเดิม

วันที่ 9 มี.ค. 2565 เวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 2/2565 ว่า วันนี้ประชุมมีหลายเรื่องที่เป็นปัญหาที่รัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการแก้ไข ลดความเดือดร้อนของประชาชน มีหลายอย่างปัญหาคงไม่ใช่เรื่องพลังงานอย่างเดียว น้ำมันอย่างเดียว วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการพลังงาน เอาเรื่องมาพิจารณา มี 7 วาระ

ต้องทราบสถานการณ์น้ำมันโลก ดีเซล เบนซิล เอ็นจีวี แอลพีจี ที่พันกันทั้งหมด ต้องหามาตรการในการบริหารว่าจะทำอย่างไร จึงจะเกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด เท่าที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ อาทิ ภาษี เงินจัดหามาทดแทนกองทุนพลังงานที่มีน้อยลง และมีสมมุติฐานไว้หลายประการ เช่น ถ้าราคาในปัจจุบัน จะดูแลได้ถึงเมื่อไหร่ที่ไม่เกินลิตรละ 30 บาท ถ้าสูงกว่านี้จะทำอย่างไร และถ้าสูงขึ้นไปอีกจะมีมาตรการอย่างไร ซึ่งท้ายที่สุดถ้าสูงขึ้นไปอีกก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะหลายประเทศก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน เพราะราคาน้ำมัน แก๊สของไทย อยู่ในระดับที่ต่ำเทียบกับในอาเซียนทั้งหมด แต่ไม่ใช่ต่ำที่สุดเพราะมีประเทศที่มีแหล่งพลังงานภายในประเทศ

“ตรงนี้เราต้องเข้าใจกันด้วย เพราะฉะนั้นนายกฯ ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก พูดไปก็ถูกเอาไปบิดเบือนหมด พูดไปบางทีก็ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ เพราะไปจับแต่ประเด็นที่มัน จะเป็นปัญหาออกไป”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรที่ประเทศชาติจะเดินหน้าไปได้ในขณะที่สถานการณ์สงครามในปัจจุบัน ถ้าจะบอกว่าอยู่ไกลกันคงไม่ใช่ เพราะห่วงโซ่การค้าเชื่อมโยงกันทั้งหมด ประเทศไทยก็เป็นสมาชิกอยู่หลายกลุ่ม ค้าขายด้วยกัน มีทั้ง FTA (เอฟทีเอ) , RCEP (อาร์เซ็ป) แสดงให้เห็นว่าเราอยู่ในจุดที่สมดุลที่สุดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องหามาตรการที่เหมาะสมที่จะดำเนินการกับทุกประเทศให้เกิดผลประโยชน์กับประชาชนคนไทยโดยตรง

นอกจากนี้ ยังได้เรียกคณะกรรมการเกี่ยวกับ “แร่” มาสอบถามว่า ปัจจุบันประเทศไทยมี “แร่” อะไร อยู่ที่ใดบ้าง และขอสำคัญคือการแก้ปัญหาเรื่อง “ปุ๋ย” ต่างๆ ดีขึ้นในอนาคต ต้องเร่งศึกษา สามารถจัดหาวัสดุต้นทุนได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิดความขัดแย้ง เพราะถ้าเรามีแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ต้องสั่งซื้อ “ปุ๋ย” ซึ่งต้นทุนที่ผลิตจากต่างประเทศ แล้วจะโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ต้องช่วยตัวเองให้ได้บ้าง นอกจากซื้อจากต่างประเทศอย่างเดียว ได้ให้เริ่มศึกษาตอนนี้ ซึ่งต้องใช้เวลา วันนี้เราสั่งปุ๋ยจำนวนมากในแต่ละปีๆ และมีผลผูกพัน เพราะปุ๋ยบางส่วนได้มาจากการผลิตภาคพลังงาน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการตรึงราคาน้ำมัน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า จะตรึงจนกว่าจะตรึงไม่ได้… ตอนนี้ยังตรึงไปก่อน 30 บาท จนกว่าที่จะไม่สามารถจะรับได้ ถ้า (น้ำมันดิบสหรัฐ) เกิน 130 ดอลลาร์ เกิน 150 ดอลลาร์ จะทำอย่างไร ถ้าถึง 180 จะทำอย่างไร ถ้าเปรียบเทียบในหลายรัฐบาลก่อนหน้านี้ก็สูงอยู่เหมือนกัน แต่เป็นการสูงในระยะสั้น ไม่ใช่สูงแบบนี้ ซึ่งไม่มีแนวโน้มจะลดลงเลย เพราะสถานการณ์คนละสถานการณ์กันแล้ววันนี้กับวันนั้นไม่เหมือน ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาย่อมแตกต่างกัน เพราะประเทศไทยก็เจริญเติบโตขึ้นเยอะ เทคโนโลยีก็เยอะ การใช้รถใช้พลังงานก็เยอะขึ้นมากขึ้นผลกระทบก็มากขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ปัญหาของเราคืองบประมาณที่มีอยู่ก็จำกัด จากสถานการณ์เราก็ใช้ไปในเรื่องสุขภาพพอสมควร การช่วยเหลือต่างๆ รัฐบาลก็พยายามทำอย่างเต็มที่แล้วในหลายมติ ก็พยายามทำอย่างเต็มที่

“ก็เขาบอกไปเมื่อวานว่ากำลังหามาตรการพิจารณาที่เหมาะสม ก็เฉพาะดีเซลนี่ยังอาการหนักอยู่เลย เบนซิลก็ต้องไปหาวิธีการว่าจะเฉพาะกลุ่มมาอย่างไร หรือไม่ เข้าใจไหม”

ภาพจาก : ทำเนียบรัฐบาล