‘ไทยสร้างไทย’ เปิดตัวกองทุนฟื้นฟูหนี้เสียเพื่อ SMEs และคนตัวเล็ก ช่วยแก้ปัญหาหนี้เสียในระบบ ได้มากกว่าร้อยละ 50 อัดรัฐออกกำหนดนโยบายและมาตรการผิดพลาด กระทบผู้ประกอบการ คนตัวเล็กกว่า 4.3 ล้านบัญชี
นายรณกาจ ชินสำราญ คณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทยกล่าวถึงวิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้ประเทศไทย มีหนี้เสียสูงขึ้นมากอย่างเป็นประวัติการณ์ ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือน กว่า 90 % ของ GDP หรือประมาณ 19.6 ล้านล้านบาท โดยหนี้เหล่านี้กว่าครึ่งเกิดขึ้นในช่วง โควิด-19 ภายใน 5 เดือน หลังจากเดือนเมษายน ปี 2563 ประเทศไทยมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น 115% จาก 2 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น เป็น 4.3 ล้านบัญชี หรือจำนวนคนประมาณ 1.9 ล้านคน ขยับขึ้นมาเป็น 2.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 50% และคิดเป็นวงเงินหนี้เสียจาก 2.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 4.8 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 100% หนี้เสียเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากการประกอบธุรกิจที่ผิดพลาดของพี่น้องประชาชน หรือการใช้จ่ายเกินตัวเพียงอย่างเดียว แต่หนี้เหล่านี้หลายอย่างเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ผิดพลาด
นายรณกาจ กล่าวว่า การที่รัฐบาลออกนโยบายและมาตรการต่างๆ ขึ้นมา จำกัดการทำธุรกิจของพี่น้องประชาชน สั่งปิดโรงแรม สั่งปิดร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว จำกัดเวลาเปิด–ปิด มาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อพี่น้องประชาชนที่ประกอบธุรกิจขนาดกลาง–เล็ก ทำให้หลายคนต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อต่อลมหายใจ ไม่ใช่การดำเนินธุรกิจที่ผิดพลาด แต่เป็นการตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐ แบกค่าใช้จ่ายช่วยภาครัฐด้วยซ้ำ
นายรณกาจ กล่าวว่า การตั้งกองทุนขึ้นมาจะช่วยจัดการกับปัญหาหนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน โดยกองทุนนี้จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการที่มีหนี้อยู่ตามธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 สามารถโอนย้ายหนี้ของตนมาอยู่ในกองทุนนี้ได้ กองทุนจะช่วยเรื่องการพักชำระหนี้และลดดอกเบี้ยลงมา ไม่ให้เกิน 2% ต่อปี โดยการโอนย้ายหนี้เหล่านี้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น
“พรรคไทยสร้างไทยเชื่อว่า นโยบายนี้ จะช่วยแก้ปัญหาหนี้เสียในระบบ ได้มากกว่า 50% โดยใช้วงเงินแค่เพียง 8,000 – 10,000 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อช่วยพยุงหนี้ เติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจอย่างมีแบบแผน และจะช่วยพลิกฟื้นจากหนี้เสีย เป็นหนี้ดีได้ นโยบายนี้นอกจากจะแก้ปัญหาหนี้เสียในระบบแล้ว ยังเป็นการให้โอกาสคนตัวเล็กและผู้ประกอบการตัวน้อยได้สามารถลืมตาอ้าปาก ฟื้นสภาพคล่องทางการเงินและธุรกิจ โดยการเคลียร์เครดิตบูโร ของหนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 คืนศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับประชาชน ให้สามารถมีการรีไฟแนนซ์ มีการเปลี่ยนย้ายสถาบันการเงินและสามารถกู้เพิ่มกู้ใหม่ได้ สามารถแก้ปัญหาหนี้เสียในระบบและสามารถสร้างศักยภาพและเสริมสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนตัวเล็ก และ SMEs ให้กลับมามีโอกาสในการประกอบธุรกิจและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายรณกาจ กล่าว