ส.ส.ประชาธิปัตย์ ทวงถามประธานรัฐสภาถึงความคืบหน้าหลัง 14 ส.ส.เข้าชื่อเพื่อให้สอบกรณีการใช้อำนาจล็อบบี้ข้าราชการจ่ายเงิน ส.ส.ประมูลห้องอาหาร
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี 14 ส.ส.เข้าชื่อเพื่อให้สอบกรณีบิ๊กสภาฯ ใช้อำนาจล็อบบี้ข้าราชการ จ่ายเงิน ส.ส. ประมูลห้องอาหารจัดเลี้ยงส.ส.ว่า ขณะนี้ยังรอฟังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าเมื่อไรจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงภายหลัง เนื่องจากเห็นเรื่องเงียบไป ซึ่งเข้าใจว่าติดช่วงเอเปค และมีการงดประชุมสภาฯ ด้วย ซึ่งอยากให้เกิดความกระจ่าง เพราะเราเป็นหนึ่งในคณะกรรมการด้วย เดี๋ยวเขาจะหาว่าเรามีส่วนได้ส่วนเสียในการคัดเลือก ดังนั้นจึงอยากให้ประธานสภาฯ ตั้งกรรมการสอบไปก่อน และต้องตอบให้ได้ว่า มีการซื้อคนลงคะแนนให้ร้านหนึ่งร้านใดเข้ามาหรือไม่
“มองว่าที่ล่าช้าสงสัยท่านประธานอาจจะยุ่ง เพราะเพิ่งผ่านเอเปคและเพิ่งกลับจากกัมพูชา แต่ว่าเมื่อ ส.ส. เขาเสนอไปแล้ว ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรตั้งกรรมการมาสอบ ว่ามีการซื้อกันจริงไหม ซื้อรายหัวให้ลงกับบางร้านจริงหรือไม่ เรื่องพวกนี้ทำให้เสื่อมเสียสภาฯ มาก ตนเป็นกรรมการ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย แต่ต้องมาเสียชื่อไปด้วย ไม่เห็นด้วยกับการมาซื้อเสียงกรรมการ” น.ส.รังสิมา กล่าว
น.ส.รังสิมา กล่าวว่า กรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรค ปชป. โยงไปถึง ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการ เราก็ฟังเขาคุยกันในหมู่กรรมการหลายคนว่าใครซื้อใคร ให้ลงคะแนนให้ร้านไหน เห็นว่าเมื่อชิมเสร็จก็ไม่ได้ให้ทุกคนมีการหักหลังกันเกิดขึ้น ให้ไปลงคะแนนพอถึงเวลาไม่จ่ายเงินให้ นี่เห็นเขาคุยกันนะ ไม่รู้ ถึงได้บอกว่าอย่างไรก็ต้องตรวจสอบถึงจะดีที่สุด มองว่าเสื่อมเสียสภาฯมาก “เงินแค่หมื่นเดียว มาซื้อได้ เหลือเกินนะไอ้ ส.ส.” หากินกันแบบนี้ มาซื้อเสียงกัน แค่เรื่องหาร้านอาหาร ยังคิดตังค์ บ้าไหม เสียศักดิ์ศรีมาก
เมื่อถามว่า ส่วนใกล้ยุบสภาฯ แล้ว กระบวนการสอบจะทันหรือไม่นั้น น.ส.รังสิมา กล่าวว่า จะทันไม่ทัน ตนไม่รู้ แต่ความโปร่งใส ความชัดเจน ต้องมี ซึ่งเราจะเลือกร้านเมื่อไรนั้น ไม่เป็นปัญหาหรอก เพราะว่าเป็นปีงบประมาณใหม่ ก็จ้างเป็นสัปดาห์ไปก่อน แต่ต้องสอบให้ได้ว่ามีซื้อเสียงให้ลงคะแนนจริงไหม เพราะสังคมเขาติดตามกันอยู่ หากมีปัญหานัก อยากจะให้ประธานสภาฯ ทำอย่างที่ตนเสนอ คือ ให้เติมเงินในบัตร ส.ส. ที่มาลงชื่อประชุม และทำระบบชิป ให้โควตาวันละ 1,000 บาท ใครกินไม่หมดตัดเงินเข้าคลัง ใครไม่มาไม่ต้องเติมเงิน และจะนำไปให้คนอื่น เช่น คนรถ คนติดตามไม่ได้ เพราะเราเลี้ยงสมาชิก เขาไม่ได้เลี้ยงทั้งโคตร ซึ่งจะทำให้เหลือเงินคืนคลังกว่าครึ่ง ประมาณ 50% เนื่องจากการเบิกจ่ายอาหารนั้นซ้ำซ้อน รั่วไหลเยอะ จึงอยากเสนอให้ปฏิรูปการจัดอาหารในสภาฯ เสียใหม่ในปีงบประมาณหน้า ตนถึงได้บอก เราไม่มีบุญวาสนา เพราะถ้ามีจะปฏิรูปให้หมดทั้งสภาฯ