ถอดรหัส ‘หนี ซ่อน สู้’ สำคัญต้องมีสติ ข้อคิดจากครูฝึกป้องกันตัว

หลังเกิดเหตุกราดยิงที่ จ.หนองบัวลำภู มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก มีการพูดถึงการป้องกันและถอดบทเรียน ที่ได้ยินคุ้นหูในช่วงนี้ คือ วิธีการ “หนี -ซ่อน- สู้” workpointTODAY ได้มีโอกาสสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวกับครูฝึกควบคุมฝูงชน ว่าวิธีการนี้จะสำเร็จได้ต้องมี “สติ” ด้วย

พ.ต.ท.ศรายุทธ อรุณฉาย รองผู้กำกับการควบคุมฝูงชน 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน บอกว่า วิธีการ “หนี ซ่อน สู้” ตอบยาก ว่ามีขั้นตอนอย่างไรที่ต้องทำก่อน จะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นหรือไม่แล้วแต่เหตุการณ์ แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องของตำราที่เขียนบอกไว้

โดยหลักการแล้วเวลาลงพื้นที่ไปบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันตัวเองทั้งกับภาคเอกชน โรงเรียน ต่างๆ  จะถามคำถามแรกกับผู้อบรมว่า ทราบหรือไม่ ว่าเหตุจะเกิดเมื่อไหร่ ถ้าหากเกิดขึ้นแล้ว จะสู้ จะซ่อน หรือ จะหลบอย่างไร ต้องมาแยกแยะกันว่าอะไรบังเราได้ หรือได้แค่ซ่อน แต่ถ้าจู่ ๆ คนร้ายถือมีดเดินเข้ามา ก็ยากมากว่าจะตอบได้ต้องทำอย่างไรก่อน

ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ “สติ” แล้วถามว่าเราจะมีสติได้อย่างไร เรื่องนี้ฝึกได้หากทำจนเกิดความเคยชิน เหมือนกับที่เราฝึกดับเพลิง ต้องทำให้ได้เป็นอัตโนมัติ นอกจากนี้หลักการผู้นำ เช่น คุณครู ต้องเป็นหลักช่วยเหลือนักเรียน เพราะต้องยอมรับว่าเด็กเล็กๆ จะเชื่อฟังครู ครูทุกคนควรฝึกการเผชิญเหตุ

“หนี ซ่อน สู้ ต้องฝึกซ้อม เพื่อสร้างทักษะในการนำ คุณครู ได้ยินเสียงปืน ดูก่อนเสียงอะไร เพราะเดียวนี้ประทัดหรือปืน ไม่ต่าง กัน ถ้าไม่ฝึกซ้อม เป็นผึ้งแตกรัง จะยิ่งมั่ว ทำอย่างไรให้นักเรียนหนีได้อย่างรวดเร็ว เช่น เกาะไหล่ไหลกันออกมา  คุณครูเหมือนกับตันเรือ ต้องลงทีหลัง ดันเด็กออกก่อน พูดง่าย ๆ คือ เสียสละ ตั้งสติก่อน แน่นอนเมื่อเกิดเหตุจะเกิดสภาวะตะลึง ใครที่ รับการฝึกมา จะนิ่งอึ้งสักพักหนึ่งจากนั้นจะตั้งสติได้”  พ.ต.ท.ศรายุทธ กล่าว

พ.ต.ท.ศรายุทธ  กล่าวว่า การฝึกอบรมต้องมีความถี่ในระดับหนึ่ง ถึงจะเกิดเป็นความคุ้นเคย แต่ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งเวลาและงบประมาณ ไม่อยากเห็นเรื่องนี้เป็นไฟไหม้ฟาง หรือ สักระยะหนึ่งก็ลืมกัน ดังนั้นอยากให้เกิดการฝึกให้บ่อยเท่าที่ทำได้ เพื่อให้เกิดทักษะจริงๆ

“ตอนนี้เราตื่นตัว เพราะเกิดเหตุ แต่สักระยะหนึ่ง มันเงียบ มีการพูดคุยเหมือนกันว่าโรงเรียนน่าจะมีสัญญาณเตือนภัย เชื่อมต่อไปยังสถานีตำรวจ หรือ หน่วยงานรักษาความปลอดภัย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” พ.ต.ท.ศรายุทธ กล่าว

พ.ต.ท.ศรายุทธ กล่าวว่า สิ่งที่ห่วงในระยะยาว คือการเลียนแบบและที่สำคัญ ทุกคนไม่ได้เป็นนักแสดงคิวบู๊ ดังนั้นในการต่อสู้กับคนมีอาวุธ ต้องดูสถานการณ์​ สติมาก่อน มองหาที่กำบัง ดูช่องทางเลี่ยง ทางออก จากจุดตรงนั้น วิชาป้องกันตัว เคยแนะนำว่าหัวใจคือ การฝึกเพื่อไม่ต้องนำไปใช้ เอาไว้แค่ป้องกันตัว