‘เศรษฐา’ เผยไม่มีคว่ำร่างงบฯ ปี 67 ยันพรรคร่วมรัฐบาลเหนียวแน่น ด้าน มติฝ่ายค้าน เอกฉันท์ ไม่รับร่างฯ

‘เศรษฐา’ เผยไม่มีคว่ำร่างงบฯ ปี 67 ตามข่าวลือเปลี่ยนตัวนายกฯ ยันพรรคร่วมรัฐบาลเหนียวแน่น ด้าน มติฝ่ายค้าน เอกฉันท์ ไม่รับร่างฯ

วันนี้ (22 มี.ค. 67) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วาระ 2-3 ได้ให้สัมภาษณ์ กรณีมีกระแสข่าวการจะคว่ำร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี 67 เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า เท่าที่ทราบไม่มีตรงนี้ เพราะรัฐบาลเองก็เหนียวแน่นหมดทุกพรรค ทุกท่าน ไม่น่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินหรือวิเคราะห์หรือไม่ว่ากระแสข่าวนี้มาอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มี แต่จากการอ่านหนังสือพิมพ์ มีฉบับหนึ่งที่บอกมา แต่ทางฝ่ายสภาฯ เช็กแล้วก็ไม่มีอะไร เราเองก็ทำงานด้วยกันดี ไม่น่ามีอะไร

เมื่อถามว่ามั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “อ๋อ มั่นใจครับ”

เมื่อถามว่า เตรียมรับมือกับเกมการเมืองไว้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เตรียม ทำงานไปเรื่อยๆ ทุกวัน การทำงาน ผลงานจะเป็นตัวชี้วัด และเราเองก็ทำงานกับทุกพรรคได้ดี เมื่อคืน (21 มี.ค. 67) ก็ได้เจอกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ ก็ไม่มีอะไร

เมื่อถามอีกว่า ไม่มีสัญญาณอะไรใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ย้ำว่า “ไม่มีครับ” และว่า ถ้าพูดถึงการวัดเนื้องานเป็นหลัก เราทำงานร่วมกันดีตรงนี้ไม่มีประเด็นอะไรเลย

เมื่อถามว่า ได้สอบถามไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ถามครับ ต้องให้ให้เกียรติซึ่งกันและกันของพันนี้อยู่ด้วยกัน”

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยังยืนยัน จะเดินทางมาประชุม ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ ที่มีการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลของสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 153 โดยกล่าวว่า “มาแน่นอนครับ”

ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะประสานงานพรรครวมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงผลการประชุมในวันนี้ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีมติเอกฉันท์ เห็นตรงกันว่า จะลงมติ ไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567

ส่วนกระแสข่าวการโหวตไม่เห็นชอบจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ นั้น ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องนี้เลย ต้องจับตากันดูว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น โอกาสคงเป็นไปได้ยากในวาระนี้ ต้องจับตาดูกันต่อไป ถ้าเกิดขึ้นก็แปลว่ามีรอยแตกร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลหรือมีการแก่งแย่งชิงอำนาจที่หลายฝ่ายอาจจะลือกันมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า จะมีการแย่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกันหรือไม่ ถ้าข่าวลือเป็นจริง ก็คงจะได้เห็นกันว่า ที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในการร่วมรัฐบาล

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า สำหรับบทลงโทษ หากมีสมาชิกในพรรคร่วมฝ่ายค้านโหวตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ นั้น ตนไม่ได้มองว่าเป็นบทลงโทษ แต่มองว่าเป็นการปฏิบัติร่วมกันตามมติที่มีในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามมติ ตนก็คิดว่าเป็นไปตามสัดส่วน อย่างครั้งที่แล้ว มีพรรคเล็กที่ไม่ได้ลงมติตามวิปฝ่ายค้าน เวลามีโควตาอะไร เราก็ต้องไม่นับเขาเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะเขาไม่ทำตามมติ ก็เป็นตามปกติ ไม่ได้มีการลงโทษอะไร

เมื่อถามว่า หากรอบนี้เกิดขึ้นจะทำอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ก็คงเหมือนๆ กัน มี สส. กี่คน ก็นับสัดส่วนไปตามนั้น ส่วนการลงโทษของพรรคนั้นๆ ที่จะลงโทษ สส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติวิปฝ่ายค้าน ก็เป็นเรื่องของพรรคพรรคนั้น ตนมีหน้าที่ในการดูแลพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค คงไม่มีสิทธิ์ไปลงโทษใคร

เมื่อถามว่า ถ้าในส่วนพรรคก้าวไกล หากมีคนโหวตเห็นชอบ จะสะท้อนถึงความเห็นของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า “ผมมั่นใจว่าไม่มี 100%“

ผู้สื่อข่าวถามถึงโอกาสที่จะมีการดึงนายเศรษฐา ลงแล้วดัน พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน นายปกรณ์วุฒิ แสดงความเห็นว่า “ถ้าถามผม ผมถามว่าเอาจริงหรอครับ ผมถามแค่นี้แหละ” และว่า ถามกับสังคมดีกว่าว่า 4 ปีที่ผ่านมา สังคมรู้สึกอย่างไร หากเรามีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร

เมื่อถามย้ำว่า แต่ก็มีโอกาสถ้าคว่ำนายเศรษฐาได้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ นิ่งไปสักครู่ พร้อมกล่าวว่า “เอ๊ะ นี่เราเลือกนายกฯ ตามความต้องการของประชาชนหรือความต้องการของอะไรกันแน่ครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องการแก่งแย่งอำนาจ โดยที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ ผมว่าประชาชนก็น่าจะรับรู้ว่า สุดท้ายแล้วไม่ได้เป็นประโยชน์กับสังคมหรือประเทศชาติ”