‘เศรษฐา’ ยอมรับเข้าพบ ‘วิษณุ’ หารือข้อกม. แจงศาลรัฐธรรมนูญ กรณีตั้ง ‘พิชิต’ เป็นรัฐมนตรี

‘เศรษฐา’ ยอมรับเข้าพบ ‘วิษณุ’ หารือข้อกม. แจงศาลรัฐธรรมนูญ กรณีตั้ง ‘พิชิต’ เป็นรัฐมนตรี ชี้ประชุมเย็นนี้ไม่อยากให้เรียก ‘ครม.เศรษฐกิจ’ แต่เป็น ‘คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ’ มากกว่า

วันนี้ (27 พ.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ กรณีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลฯ ให้เวลายื่นคำชี้แจงภายใน 15 วันนั้น ยอมรับว่า ได้ไปพบ นายวิษณุ เครืองาม กรรมการกฤษฎีกา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บ้านพัก เพื่อขอปรึกษาแนวทางการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนให้คำปรึกษาอย่างไรบ้างนั้น ขอให้เป็นเรื่องระหว่างตนกับนายวิษณุดีกว่า

ทั้งนี้ นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า การเตรียมคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ย้ำมั่นใจสามารถต่อสู้คดีนี้ได้ ซึ่งกรอบเวลา 15 วัน ในการชี้แจงข้อกล่าวหา ถือว่าเพียงพอแล้ว

ส่วนผลสำรวจของสถาบันพระปกเกล้า เปิดผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ความนิยมในพรรคการเมือง และนายกรัฐมนตรี 1 ปี หลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาฯ 2566 พบว่า คะแนนของพรรคเพื่อไทยต่ำกว่าพรรคก้าวไกลนั้น ทำให้ต้องเร่งผลงานหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน เราต้องให้ความเคารพกับข้อมูลที่ได้มา และไม่อ้างเรื่องงบประมาณที่เพิ่งนำมาใช้ได้ ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ

โดยนายเศรษฐา ได้กล่าวถึงการประชุมเรื่องเศรษฐกิจ ในช่วงเย็นวันนี้ว่า เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) ตนได้หารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เตรียมข้อมูลที่จะนำมาหารือในที่ประชุมวันนี้ แต่ต้องให้เกียรติคณะกรรมการท่านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าแบงก์ชาติ) หรือเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

“วันนี้เราไม่ได้เรียกมาสั่งการ เรามาพูดคุยแต่ละท่านมีข้อเสนอแนะอย่างไรบ้าง ถ้าผมให้ข้อมูลก่อน คงไม่เหมาะสม ต้องให้เกียรติทางคนที่มาร่วมประชุมด้วยเหมือนกัน” นายกฯ กล่าว

นายเศรษฐา ย้ำอีกครั้งว่า การประชุมวันนี้คงไม่ได้การประชุมเพียงครั้งเดียว และไม่อยากให้เรียกเป็นการประชุมครม. แต่เป็นการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่า จึงอยากฟังข้อเสนอแนะก่อน และยังไม่มั่นใจว่าจะออกเป็นมาตรการได้เลยหรือไม่