ครม.ปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ สูงสุดวันละ 356 บาท -ต่ำสุด 328 บาท มีผล 1 ต.ค.นี้

ครม.มีมติปรับขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ  มีผล 1 ต.ค.นี้ สูงสุด 356 บาท , ต่ำสุด 328 บาท ส่วนกรุงเทพและปริมณฑล 353 บาท ‘สุชาติ’ เชื่อผู้ประกอบการรับได้ เพราะไม่ได้เป็นสัดส่วนที่มากเกินไป

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุมครม. วันนี้มีเรื่องดีๆ โดยที่ประชุมครม.ได้มีมติเห็นชอบปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ตามที่คณะกรรมการค่าจ้าง กระทรวงแรงงานเสนอ มีผลวันที่ 1 ต.ค. สูงสุด 356 บาท , ต่ำสุด 328 บาท ส่วนกรุงเทพและปริมณฑล 353 บาท

ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สัดส่วนการขึ้นค่าแรงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5% กว่าๆ ซึ่งก่อนเจอโควิด ได้มีการปรับค่าแรงเมื่อ 1 ม.ค.63 และหลังจากนั้นไม่ได้มีการปรับค่าแรง จนมีมติล่าสุดในวันนี้ ซึ่งในอดีตการปรับค่าแรงประมาณ 1-2% แต่การปรับค่าแรงครั้งนี้ ถือเป็นการรวบยอดมาถึง 5% ตามภาวะเงินเฟ้อ และการขึ้นค่าแรงครั้งเป็นการปรับขึ้นทั้งประเทศ แต่แบ่งเป็น 9 กลุ่ม

ส่วนจะถูกมองว่า การขึ้นค่าแรงจะเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการหรือไม่นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ได้คุยกับผู้ประกอบการแล้วว่า เป็นการประคับประคองให้ลูกจ้างอยู่รอด และฐานการขึ้นค่าแรง 5% เป็นสิ่งที่นายจ้างรับได้ ไม่ได้เป็นสัดส่วนที่มากเกินไป และหากลูกจ้างอยู่รอด นายจ้างก็อยู่รอด 

“การขึ้นค่าแรงเป็นไปตามกลไก ส่วนการขึ้นดอกเบี้ย หรือพลังงาน รัฐบาลก็แก้ปัญหาด้วยการลดค่าครองชีพ มันก็จะช่วยกัน ผมเชื่อ นายจ้างทุกคนรับได้ เพราะขึ้น 5% เอง”นายสุชาติ กล่าว

ส่วนที่ขอให้มีการขึ้นค่าแรงในวันที่ 1 ต.ค.นั้น เพราะสินค้าอื่นๆ ขึ้นราคามารอแล้ว และตนยังได้ขอให้สำนักงานประกันสังคมช่วยเหลือนายจ้าง โดยการลดเงินสมทบ 2% จากเดิม 5% เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมยืนยันว่า จะไม่กระทบเงินกองทุนชราภาพ เนื่องจากจะมีการใช้มติ ครม. โยกเงินอีกส่วนมาทดแทน จำนวนเงินที่หายไป

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม คณะกรรมการค่าจ้างมีมติการขึ้นอัตราค่าจ้าง ขั้นต่ำ ประจำปี 2565 โดยได้ข้อสรุปร่วมกันในการปรับขึ้น ซึ่งแบ่งเป็น 9 ช่วง ต่ำสุดอยู่ที่ 328 บาท สูงสุด 354 บาท ค่าเฉลี่ย 337 บาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.02% ตั้งแต่ 8-22 บาท มีรายละเอียดดังนี้

ช่วงที่ 1 สูงสุด 354 บาท มี 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต

ช่วงที่ 2 ค่าจ้างขั้นต่ำ 353 บาท จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการและสมุทรสาคร

ช่วงที่ 3 ค่าจ้างขั้นต่ำ 345 บาท มี 1 จังหวัด คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา

ช่วงที่ 4 ค่าจ้างขั้นต่ำ 343 บาท มี 1 จังหวัดคือ พระนครศรีอยุธยา

ช่วงที่ 5 ค่าจ้างขั้นต่ำ 340 บาท มี 14 จังหวัดได้แก่ ปราจีนบุรี หนองคาย อุบลราชธานี พังงา กระบี่ ตราด ขอนแก่น เชียงใหม่ สุพรรณบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ลพบุรี และสระบุรี

ช่วงที่ 6 ค่าจ้างขั้นต่ำ 338 บาท มี 6 จังหวัดได้แก่ จังหวัดมุกดาหาร กาฬสินธุ์ สกลนคร สมุทรสงคราม จันทบุรี และนครนายก

ช่วงที่ 7 ค่าจ้างขั้นต่ำ 335 บาท มี 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ กาญจนบุรี บึงกาฬ ชัยนาท นครพนม พะเยา สุรินทร์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย พัทลุง อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ พิษณุโลก อ่างทอง สระแก้ว บุรีรัมย์ และเพชรบุรี

ช่วงที่ 8 ค่าจ้างขั้นต่ำ 332 บาท มีทั้งหมด 22 จังหวัด คือ จังหวัดอำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ตรัง ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุทัยธานี ลำปาง ลำพูน ชุมพร มหาสารคาม สิงห์บุรี สตูล แพร่ สุโขทัย กำแพงเพชร ราชบุรี ตาก นครศรีธรรมราช ชัยภูมิ ระนอง และพิจิตร

ช่วงที่ 9 ถ้าจ้างขั้นต่ำ 328 บาท มี 5 จังหวัดได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส น่าน และอุดรธานี.

ด้านนายอนุชา กล่าวว่า ค่าจ้างที่ผ่านมานั้น มีคณะกรรมการค่าจ้างได้ประชุมร่วมกัน ผ่านการกระจายอำนาจให้คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดและกทม. รวม 77 คณะ ซึ่งได้ดูรายละเอียดโดยคำนึงถึงผลกระทบทุกด้านทั้งของนายจ้างและลูกจ้างจนทำให้ทุกฝ่ายยอมรับ ให้นายจ้างประกอบธุรกิจได้ และลูกจ้างอยู่ได้อย่างเป็นสุข ไม่เป็นอุปสรรคโดยรวมของเศรษฐกิจประเทศ 

workpointTODAY ร่วมกับมูลนิธิฟรีดริช เนามัน ชวนร่วมกิจกรรม Thailand Talks เพื่อพูดคุยกับคนเห็นต่างในหลากหลายประเด็น ตอบคำถามด้านล่างเพื่อลงทะเบียน