SHARE

คัดลอกแล้ว

‘สุเทพ’ เข้าสอบปากคำไต่สวนนัดแรกในคดีทุจริตก่อสร้างโรงพัก ยันบริสุทธิ์ เชื่อคดีจบในปีนี้ ‘อยากให้รอดูตอนจบรับรองพวกเราจะชอบใจ’

วันที่ 17 ก.พ. 2565 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เดินทางไปศาลฎีฎาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อสอบปากคำให้การนัดแรกคดี กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีอนุมัติเปลี่ยนเเปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างโครงการสร้างโรงพักทดเเทน 396 เเห่ง พร้อมจำเลยรวม 6 คน ที่คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ปปช.) ยื่นฟ้อง

นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ชี้แจงข้อกล่าวหา หลังจากถูกสังคมมองว่ามีความผิด ถูกฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ตามที่ทำงานตอนเป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่การไต่สวนยาวนานถึง 6 ปี และเมื่ออัยการสูงสุดก็สั่งไม่ฟ้องพร้อมส่งสำนวนคืนให้กับ ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง การศาลนัดแรกวันนี้ จะยื่นคำให้การโดยย่อ จำนวน 31 หน้า เพื่อแสดงให้เห็นแนวทางการต่อสู้คดี และเชื่อว่าจากนี้คดีจะไม่ยืดเยื้อและอาจจะจบภายในปีนี้
ส่วนแนวทางการต่อสู้ นายสุเทพยืนยันว่า ไม่ได้กระทำผิดและดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะมติคณะรัฐมนตรีไม่มีเรื่องการกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เป็นเรื่องของหัวหน้าส่วนราชการในยุคนั้น ที่จัดซื้อจัดจ้างโดยแบ่งเป็นภาค ซึ่งตนเองก็เห็นว่าเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่ดีที่สุด

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้นเสนอมา และขณะที่ตนเองเห็นชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ขอตั้งงบประมาณ หลังจากนั้นต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งงบประมาณแทนที่จะทำเป็น 9 โครงการ แต่กลับทำเป็นสัญญาเดียว และต่อมาเมื่อพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แย้งว่า สัญญาดังกล่าวทำไม่ได้ เพราะเข้าข่ายแบ่งซื้อแบ่งจ้างผิดกฎหมาย เนื่องจากร่างประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ออกแล้ว จึงเสนอว่าวิธีการที่ตนเองเห็นชอบขณะนั้นต้องยกเลิกเปลี่ยนมาทำให้สัญญาเดียว ซึ่งเมื่อไปตรวจดูพบว่า ร่างสัญญางบประมาณรายจ่ายทำเป็นสัญญาเดียว จึงมีการอนุมัติตามที่ขอมา หลังจากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ มีผู้เข้าแข่งขัน 5 ราย ผู้ชนะการประมูลเสนอต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท

และต่อมาพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนต่อมาได้ทำเรื่องเสนอยืนยันดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพัสดุด้วยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้ลงนามตามเสนอมา จากนั้นตนเองก็พ้นจากตำแหน่ง และมีการขยายเวลาก่อสร้างอีก 270 วัน ขณะนั้นนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำเรื่องนี้มาโจมตีหวังผลทางการเมืองช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
นายสุเทพ ได้ยื่นฟ้องนายธาริตจนนำไปสู่การตัดสินจำคุกและนายธาริตก็นำเรื่องนี้ไปยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แต่ทาง ป.ป.ช.ไม่รับฟังพยานบุคคลที่รู้ข้อเท็จจริง เช่น เลขาธิการ และรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และจะนำบุคคลเหล่านี้มาซักค้านในการต่อสู้คดีนี้ด้วย เพราะอำนาจศาลฎีกาสามารถ เรียกพยานบุคคลเหล่านี้มาให้ปากคำได้

ทั้งนี้หากชนะคดีจะฟ้องกลับ ป.ป.ช.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อยากให้รอดูตอนจบ อยากให้รอดูตอนจบ รับรองพวกเราจะชอบใจ

จากนั้น เวลา 13.50 น. นายสุเทพ โพสต์คลิปวิดีโอ ผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suthep Thaugsuban’ สรุปว่า เรื่องการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง นี้เกี่ยวข้องกับผบ.ตร.หลายคน เพราะมีการเปลี่ยนผบ.ตร.บ่อยในช่วงนั้น พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ซึ่งเป็น ผบ.ตร.คนต่อมาได้ทำหนังสือถึงตนว่าได้ผู้รับจ้างแล้ว ดำเนินการตามระเบียบ ตามกฎหมายถูกต้องแล้ว ขอให้ตนอนุมัติให้ทำสัญญาจ้าง ตนก็อนุมัติไปทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย

แต่ปรากฏว่าผู้รับจ้าง สร้างไม่เสร็จตามสัญญา มีการต่ออายุสัญญา ขยายเวลาสัญญาให้อีก 270 วัน ซึ่งภายหลังจากตนพ้นตำแหน่งมาแล้ว แต่การที่สถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งสร้างไม่เสร็จ คาราคาซังมาก็กลายเป็นข่าวครึกโครม มาจนถึงวันที่ฟ้องตน ตนก็รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อไปสู้คดีในศาล เอาข้อเท็จจริงไปให้ศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาว่าสิ่งที่ตนทำมาทุกอย่างนั้นถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุฯ ตนไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ในช่วงที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำการไต่สวนคดีนี้ และทุกครั้งที่ไปศาลสู้คดี คงจะปรากฎข้อเท็จจริงเป็นข่าวทางสื่อมวลชนให้พี่น้องติดตามข้อเท็จจริง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นศาลเดียวและใช้เวลาการไต่สวนไม่กี่เดือน เชื่อว่าในที่สุดคดีนี้จะเป็นที่ประจักษ์ว่าความจริงเป็นอย่างไร

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า