ครม.เห็นชอบคนละครึ่งเฟส4 คาดเริ่มช่วง มี.ค.-เม.ย.65 พร้อม 6 มาตรการ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน
นายธนกร หวังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมรับทราบกิจกรรมของกระทรวงต่างๆ ที่เตรียมจัดงานเพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชน เช่น กระทรวงพลังงานตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาทต่อไปไม่เกินเดือน มี.ค. 65 ปตท.ตรึงราคาน้ำมันทุกชนิดช่วง 5 ธ.ค. 64 – 4ม.ค.64
นอกจากนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการคนละครึ่งเฟส 4 คาดเริ่มได้ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.65 เป็นเวลา 2 เดือน เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจในประเทศกระตุ้นกำลังซื้อ ทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังเห็นชอบมาตรการของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ประกอบด้วยของขวัญ 6 ชิ้น ประกอบด้วย
1. มาตรการช้อปดีมีคืน เริ่มให้ใช้จ่าย 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2565 วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 3 หมื่นบาท นำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ปี 2565 คาดว่าจะทำให้เกิดเงินหมุนเวียน 4.2 หมื่นล้านบาท ทำให้จีดีพีโต 0.12%
2. ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ ไพ่ เป็นเวลา 1 ปี
3. ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน
4. ลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% ให้กับบ้านที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
5. ยกเว้นภาษีในการปรับโครงการสร้างหนี้
6. แบงก์รัฐลดดอกเบี้ย และให้เงินคืนสำหรับผู้ที่ประวัติการชำระเงินดี
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบของขวัญปีใหม่ 2565 จากกระทรวงแรงงาน เพื่อมอบให้กับผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบหลายชิ้น อาทิ
1.ลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 เหลือร้อยละ 60 เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีรายละเอียดดังนี้ ทางเลือกที่ 1 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 42 บาทต่อเดือน จากเดิม 70 บาทต่อเดือน ทางเลือกที่ 2 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 60 บาทต่อเดือน จากเดิม 100 บาทต่อเดือน ทางเลือกที่ 3 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 180 บาทต่อเดือน จากเดิม 300 บาทต่อเดือน ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับทั้ง 3 ทางเลือก ยังคงเดิม ทั้งนี้ จากการลดอัตราเงินสมทบดังกล่าวมีผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับประโยชน์กว่า 10.57 ล้านคน เกิดหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1,408 ล้านบาท
2.เพิ่มอัตราเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างสูงสุด 100 เท่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่ถูกนายจ้างเลิกจ้างหรือค้างจ่ายเงินเดือน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้ 1.กรณีค่าชดเชย แบ่งเป็น (1)อัตราค่าชดเชยจากเดิม 30 เท่า เพิ่มเป็น 60 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 120 วัน แต่ไม่ครบ 3 ปี (2)อัตราค่าชดเชยจากเดิม 50 เท่า เพิ่มเป็น 80 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 3 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี (3)อัตราค่าชดเชยจากเดิม 70 เท่า เพิ่มเป็น 100 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป 2.กรณีเงินอื่นนอกจากค่าชดเชย อัตราเดิม 60 เท่า เพิ่มเป็น 100 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
3.ฟรี ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน สำหรับการกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน เพื่อดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานนอกระบบในกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านทั่วประเทศกว่า 6,000 คน โดยกรมการจัดหางานจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมเหลือร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 – 12 โดยไม่ปลอดเงินต้น และงวดที่ 13 เป็นต้นไป จนสิ้นสุดสัญญาคิดอัตราร้อยละ 3 ต่อปี สำหรับวงเงินกู้ยืม ผู้รับงานไปทำที่บ้านรายบุคคลกู้ได้ไม่เกิน 50,000 บาท รายกลุ่มกู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท ผู้สนใจสามารถยื่นกู้ได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ และสำนักงานจัดหางานทุกจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 ถึง 31 ส.ค.65 และทำสัญญากู้ยืมเงินภายใน 30 ก.ย. 65