นายกฯ ปรับแผนกระจายวัคซีน เร่งฉีดให้ทุกวัย ทุกอาชีพ ย้ำได้ฉีดวัคซีนในวันที่ระบุไว้แน่นอน

นายกรัฐมนตรี สั่งปูพรมฉีดวัคซีน ให้คนกรุงเทพฯ ให้ได้ 5 ล้านคน หรือ 70% หวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายใน 2 เดือน คือ มิ.ย.-ก.ค. นี้ พร้อมปรับแผนกระจายวัคซีนเป็น 3 กลุ่ม ครอบคลุมทุกวัย ทุกอาชีพ ใครพร้อมสามารถฉีดได้เลย โดยจะเปิดให้กลุ่มอายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. นี้ ยืนยัน ทุกคนจะได้ฉีดวัคซีนในวันที่ระบุไว้แน่นอน

วันที่ 18 พ.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาการติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ โดยจะเดินหน้าตรวจเชิงรุก พร้อมจัดตั้ง รพ.สนาม เพื่อคัดแยกผู้ป่วยในการรักษา และยืนยันว่าจะดูแลอย่างดีที่สุดอย่างเท่าเทียม รวมถึงงดเว้นการเข้าเยี่ยมจากภายนอกจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ จะระดมตรวจเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วย และระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งขณะนี้มีเป้าหมาย ฉีดแบบปูพรม ให้คนในกรุงเทพฯ ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากรในพื้นที่ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ภายใน 2 เดือน คือ มิ.ย.-ก.ค. นี้

ด้านแผนการกระจายวัคซีน จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

1. ผ่านการลงทะเบียนหมอพร้อม ซึ่งปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียน 7 ล้านคน ในกลุ่มสูงอายุ และผู้ป่วยโรคประจำตัวเรื้อรัง

2. กลุ่มอายุต่ำกว่า 60 ปี จะเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. นี้ โดยสามารถจองฉีดได้ในวันเวลาที่สะดวก และยืนยันว่า ทุกคนจะได้ฉีดวัคซีนในวันที่ระบุไว้อย่างแน่นอน

3. การกระจายเชิงยุทธศาสตร์ จัดสรร กลุ่มเฉพาะ ที่จำเป็นพิเศษ เช่น แพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อสม. พลเรือน ตำรวจ ทหาร ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์สาธารณะ องค์กรทางการแพทย์ กลุ่มการบิน กลุ่มที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ คนพิการ พนักงานภาคบริการ เป็นต้น ที่จำเป็นต้องฉีด เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้อย่างไม่สะดุด โดยให้กลุ่มดังกล่าวรวบรวบข้อมูลส่งให้สาธารณสุข เพื่อเตรียมสถานที่ฉีดต่อไป

ด้านมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดและมาตรการผ่อนคลาย ที่วันนี้มีผลบังคับใช้แล้ว เช่น การอนุญาตให้พื้นที่สีแดงเข้ม สามารถนั่งทานอาหารในร้านได้ โดยจำกัดจำนวนคน เป็นความพยายามในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีจำนวนมาก และกระทบกับวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน โดยผ่านการพิจารณาจากคณะที่ปรึกษาอย่างรอบคอบ และต้องมีการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด เช่น การจำกัดคนไม่เกิน 1 ใน 4 และเว้นระยะห่าง หากพบว่าร้านใดไม่ดำเนินการตามมาตรการ จะสั่งปิดในทันที หรือมีการทบทวนมาตรการ จึงขอให้เจ้าของร้านอาหารทุกร้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดำเนินการอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่คอยดูแลควบคุมอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม และกองทัพไทย ควบคุมการลักลอบเข้าประเทศจากชายแดนอย่างเข้มงวดสูงสุด หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดที่แสวงหาผลประโยชน์บนความเสี่ยงของประเทศชาติ ต้องลงโทษให้หนักที่สุดโดยไม่มีการยกเว้น

“การฉีดวัคซีน เป็นวาระแห่งชาติ ที่จะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อนต่อไปได้ นโยบายของผมคือ เราต้องเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้เร็ว และให้ถึงประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจะปรับแผนการเดินหน้าประเทศ ด้วยการเปิดโอกาสให้ทุกคนที่พร้อมฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นวัยใด เข้าถึงวัคซีนได้ โดยเฉพาะวัยทำงาน เพื่อปกป้องคนทำมาหากิน คนที่เป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงคนในบ้าน ให้ออกจากบ้านไปทำงาน ทำมาหาเลี้ยงชีพ และเดินหน้าชีวิตกันต่อไปได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว