Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ในโลกโซเชียลมีการพูดเทียบพูดขิงกันทำนองว่า “มีแต่คนแก่ที่ใช้ PowerPoint ส่วนเด็กๆ ใช้ Canva กันหมดแล้ว” เรื่องนี้เป็นจริงแค่ไหน พาไปดูข้อมูลกัน

ว่ากันตามปีถือกำเนิด PowerPoint ปีนี้อายุ 37 ปี ส่วน Canva อายุ 11 ปี

ตามสถิติตอนนี้ PowerPoint มีผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านคน ทุกวินาทีมีการเปิดงานนำเสนอด้วย PowerPoint มากกว่า 350 รายการทั่วโลก หมายความว่าในแต่ละวันมีการนำเสนอผ่าน PowerPoint ประมาณ 30 ล้านครั้งทั่วโลก

ส่วน Canva มีผู้ใช้ทั่วโลกตอนนี้ 170 ล้านคนต่อเดือน สถิติพบว่ามีการใช้งานออกแบบโดย Canva 200 แบบต่อวินาที หรือคิดเป็นการใช้งานมากกว่า 8.6 ล้านแบบในแต่ละวัน

มีรายงานจาก Fortune ว่าบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 ถึง 90% ที่ใช้ Canva อาทิ FedEx, L’Oréal, Salesforce,Coca-Cola, McDonalds, Nike, Zoom, Meta, Sony และ Danone

ส่วน PowerPoint ที่เป็นโปรแกรมใน Microsoft Office 365 นอกจากถูกใช้ในบริษัทและองค์กรต่างๆ ทั่วโลก มีรายงานว่ามีบริษัทใน Fortune 500 ใช้งานเช่นกันตามสถิติบอกว่า ทุก 5 บริษัทจะใช้ PowerPoint ไปแล้ว 4 บริษัท

แปลว่าหลายบริษัทในฟอร์จูน 500 ก็มีใช้ทั้ง PowerPoint และ Canva

PowerPoint โปรแกรมสร้างสไลด์ในการนำเสนอผลงาน ถือกำเนิดเวอร์ชั่น 1.0 ในปี 1987 เกิดก่อน Canva 26 ปี คิดค้นโดยบริษัทสตาร์ทอัพ Forethought ตอนแรกยังไม่ได้ชื่อ PowerPoint คนคิดค้นคนแรกเป็นอดีตนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ตั้งชื่อตรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้วว่า ‘Presenter’ และตอนแรกก็พัฒนาให้ใช้ในแอปเปิ้ลแมคอินทอชก่อน

จนต่อมา Microsoft เข้ามาซื้อบริษัทนี้ในราคา 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะต้องการซอฟท์แวร์ PowerPoint มาไว้กับ Microsoft Office และสุดท้ายก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมโด่งดังแพร่หลายทั่วโลกนั่นเอง

ส่วน Canva เป็นแพลทฟอร์มออกแบบและสร้างสรรค์กราฟิกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้เติบโตจากบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆ ก่อตั้งในปี 2013 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 3 คน คือ Melanie Perkins, Cliff Obrecht และ Cameron Adams ทั้งหมดเป็นชาวออสเตรเลีย ก่อตั้ง Canva ที่เมืองเพิร์ธ โดยได้เงินมากถึง 560 ล้านดอลลาร์ จากการระดมทุน 14 รอบนับตั้งแต่ก่อตั้ง

แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น Canva ก็ถูกนักลงทุนมากกว่า 100 รายปฏิเสธมาแล้ว ก่อนที่สุดท้ายจะได้รับเงินทุน 3 ล้านดอลลาร์เพื่อเริ่มสร้างบริษัท และใช้เวลาไม่กี่ปีก็สามารถขึ้นทำเนียบติดกลุ่มหนึ่งในธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงในโลก

Melanie Perkins เคยเล่าว่า หนึ่งในเหตุผลในการก่อตั้ง Canva ขึ้นมาต้องการให้เข้ามาแทนที่การใช้เอกสาร PDF ในการสื่อสารระหว่างนักออกแบบและลูกค้า

ในทางธุรกิจ Canva มีคู่แข่งโดยตรงคือ Visme ที่มีตัวเลือกการออกแบบที่หลากหลายเช่นเดียวกับ Canva มีอินเทอร์เฟซแบบลากและวางคล้ายกับของ Canva นอกจากนี้ยังมี VistaCreate, Fotor ขณะเดียวกันยังรวมถึง Adobe (ที่มี Photoshop และ Adobe Express) และ แอปพลิเคชั่น Creative Cloud

ส่วน PowerPoint มองว่าคู่แข่งของตัวเองคือ Keynote, Prezi, Google Slides

จริงหรือไม่ที่คนใช้ Canva คือ คนรุ่นใหม่ ?

ตามข้อมูลของ Canva รายงานว่า ผู้ใช้ Canva มากกว่า 53% มีอายุต่ำกว่า 34 ปี

กลุ่มที่ใช้มากที่สุด คือ อายุ 25-34 ปี คิดเป็น 30.68% ของลูกค้า Canva ทั้งหมด รองลงมาคือผู้ใช้กลุ่มอายุ 18-24 ปี

ส่วนกลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป ใช้ Canva ราว 4.42% คิดเป็นผู้ใช้งานประมาณ 7.5 ล้านคน

Canva ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงนิยมใช้ 59.91% ผู้ชาย 40.09%

หลังประสบความสำเร็จในวงกว้าง Canva เข้าซื้อกิจการบริษัทแล้ว 6 แห่ง คือ Zeetings, Pexels, Pixabay, Smartmockups, Kaleido และ Flourish ซึ่งการเข้าซื้อกิจการบริษัทถ่ายภาพสต็อก Pexels และ Pixabay ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มภาพสต็อกฟรีและพรีเมียมสำหรับผู้ใช้ Canva

ส่วนการเข้าซื้อกิจการ Kaleido ช่วยให้ Canva เปิดตัวเครื่องมือลบพื้นหลังให้กับผู้ใช้แบบชำระเงินได้ เครื่องมือนี้ถูกนำมาใช้ภายในอินเทอร์เฟซการแก้ไข Canva ทำให้ผู้ใช้สามารถลบพื้นหลังทั้งในภาพถ่ายและวิดีโอได้เพียงกดปุ่ม

แบบอักษรยอดนิยมใน Canva คือ ‘Arimo’ และจำนวนภาพสต๊อกใน Canva ประเมินได้ว่ามีอย่างน้อย 4 ล้านภาพ มีเทมเพลตมากกว่า 610,000 แบบ โดย 60,000 แบบรองรับบริการฟรี มีเทมเพลทหลากหลาย ทั้งการตลาด การนำเสนอ การศึกษา ธุรกิจ และเทมเพลตวิดีโอ โซเชียลมีเดีย

ข้อมูลจาก Australian Financial review ระบุว่า ปัจจุบันธุรกิจ Canva มีมูลค่าประมาณ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนรายรับอยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านดอลลาร์ต่อปี

ส่วน PowerPoint ที่รวมอยู่ใน Microsoft Office 365 ถือเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นหนึ่งในแหล่งที่มารายได้หลักให้กับบริษัท Microsoft เลยทีเดียว นอกเหนือจาก Microsoft Azure บริการคลาวด์ และ Microsoft Windows

สำหรับ Office 365 มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกปีจากการสมัครสมาชิกเพิ่ม ข้อมูลจนถึงจบปี 2565 Microsoft Office สร้างรายได้ 4 หมื่นกว่าล้านดอลลาร์

ในยุค AI จะเห็นว่า Microsoft ได้นำ AI มาใช้กับ Microsoft 365 ซึ่งก็รวมถึง PowerPoint ผ่านฟีเจอร์ว้าวๆ อย่าง Copilot เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้น อาทิ ความสามารถในการดึงข้อมูลจากเอกสารอื่น มาสร้างเป็นพรีเซนเทชั่นใน PowerPoint ได้ ภายในคำสั่งหรือ Prompt เดียว พูดง่ายๆ ฟีเจอร์ใหม่นี้ช่วยสรุปข้อมูลต่างๆ จากไฟล์ Word พร้อมแปลงมาเป็นสไลด์นำเสนอใน PowerPoint ได้

โดยที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าอยากให้พรีเซนเทชั่นออกมาในธีมไหน สีแบบไหน และระบบจะสร้าง Speaker Note ให้อัตโนมัติ ซึ่งถ้าตัวพรีเซนเทชั่นออกมามีข้อความมากเกินไป ผู้ใช้งานก็ปรับแต่งภายหลังได้ ช่วยให้การทำสไลด์เร็วขึ้น

ส่วน Canva ไม่ต้องมีพื้นฐานงานออกแบบก็สามารถสร้างสรรค์งานรูปภาพหรือวิดีโอ และอีกหลายรูปแบบออกมาได้สวยงามและรวดเร็ว พร้อมกับมีรูปภาพ กราฟฟิก องค์ประกอบ (element) และเทมเพลทฟรีให้เลือกมาก ชิ้นงานสามารถแชร์ไปยังโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ และยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 5GB ให้ฟรี สำหรับคนที่ใช้ตัวฟรี ส่วนแพคเกจเสียเงินจะมี Canva Pro และ Canva for Teams ซึ่งก็จะมีคุณสมบัติการใช้งานต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นไปอีก ถือเป็นแพลตฟอร์มกราฟิกดีไซน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วคุณล่ะ? ชอบใช้ PowerPoint หรือ Canva มากกว่ากัน 

แต่ที่แน่ๆ มีซีอีโอบริษัทระดับโลกคนหนึ่งที่ไม่เอาทั้ง PowerPoint และ Canva หรือโปรแกรมนำเสนอพรีเซนเทชั่น สไลด์ใดๆ ในการประชุม ก็คือ ‘เจฟฟ์ เบโซส’ แห่ง Amazon นั่นเอง เขาสั่งให้พนักงานทุกคนใน Amazon ห้ามใช้สไลด์นำเสนอ แต่ให้ใช้เขียนบันทึกอธิบาย (Narrative Memo) ความยาว 6 หน้าแทน

ทำไมเขาถึงไม่ชอบวิธีนำเสนอผ่านสไลด์ พรีเซนเทชั่นหน้าไหน มีคำอธิบายไว้ในคอมเม้นท์
‘เจฟฟ์ เบโซส แห่ง Amazon’ น่าจะเป็นผู้บริหารไม่กี่คนในโลก ที่ปฏิเสธพรีเซนเทชั่น แต่เป็นสายชอบอ่าน Document ข้อมูลละเอียดมากกว่า เพราะเขาเชื่อว่า “คุณไม่ต้องการให้ พรีเซนเทชั่นมาโน้มน้าวใจ แต่คุณต้องการความจริง และไม่อยากจ้างพนักงานแพงๆ เพื่อมาทำสิ่งที่เสียเวลา”

‘เจฟฟ์ เบโซส’ สั่งพนักงานทุกคนใน Amazon ว่าห้ามใช้สไลด์นำเสนอเวลาประชุม เขาบอกว่า PowerPoint ทำให้ชีวิตของคนพรีเซ้นท์ง่าย แต่ทำให้ชีวิตของคนฟังยาก เนื้อหาที่อยู่ในสไลด์ถูกทำมาเป็น bullet points ซึ่งบางทีก็อาจจะกว้างเกินไปหรือตกหล่นเนื้อหายิบย่อยที่มีความสำคัญ

เขาบอกว่าการทำ PowerPoint ทำให้เจ้าของเรื่องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำสไลด์ให้สวยงาม แทนที่จะเอาเวลามานั่งคิดให้ละเอียดว่าต้องการนำเสนออะไร

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพนักงานที่จ้างมาแพงๆ ใช้เวลาหลายชั่วโมงนั่งทำสไลด์

เขาเลยสั่งให้พนักงานทุกคนใน Amazon ห้ามใช้สไลด์นำเสนอ แต่ให้ใช้เขียนบันทึกอธิบาย (Narrative Memo) ความยาว 6 หน้าแทน และจะแจกในที่ประชุมเลย ไม่แจกล่วงหน้า เพราะมั่นใจได้ว่าทุกคนจะอ่านในห้องนั้น โดยเขาจะให้ใช้เวลาในช่วง 10-15 นาทีแรกของการประชุม อ่านรายงาน 6 หน้าไปอย่างเงียบๆ แทนมาดูพรีเซนต์ผ่านสไลด์

เบโซส บอกว่าการเขียนบันทึกยากกว่าการทำพรีเซนเทชั่น เพราะบังคับให้ผู้เขียนต้องใช้ความคิดมากกว่าเดิมในการเรียบเรียง แต่มีข้อดีกว่าในแง่ของการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน โดยไม่มีการตัดทอนออกไป ถ้าคุณพรีเซนต์โดยใช้พาวเวอร์พอยท์ ผู้บริหารที่ฟังอยู่มักจะถามคำถามขัดจังหวะอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าคุณนั่งอ่านรายงานเงียบๆ ทั้ง 6 หน้า ตอนคุณอ่านถึงหน้า 2 คุณอาจจะมีคำถาม แต่พออ่านถึงหน้า 4 คุณก็จะได้คำตอบด้วยตัวคุณเอง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า