SHARE

คัดลอกแล้ว

เจาะลึกโลกสีเทา ‘ชัยวัฒน์’ เผยที่มาที่ไปส่วยวิ่งเต้น สู่การจับมือ ป.ป.ช. – บก.ปปป. จับ ‘อธิบดีกรมอุทยานฯ’ ยืนยันไม่มีเรื่องส่วนตัวหรือขัดแย้งกันเอง

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าว TODAY ถึงจุดเริ่มต้นกรณีตำรวจเข้าจับกุม นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยสรุปว่า ที่มาที่ไปของเรื่อง คือหลังจากที่ตนถูกชี้มูลความผิดให้ออกจากราชการตั้งแต่เมื่อ 18 เดือนที่แล้ว ในช่วงนั้นอธิบดีฯ คนนี้ก็มาพอดี ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2564 ตนก็ไม่ได้ไปติดตามอะไร

ช่วงนั้นมีกระแสข่าวนิดหน่อยว่า มีหนังสือฉบับหนึ่ง เพื่อหารือ แนวทางปฏิบัติ ถ้ามีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลใด ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงานสนาม ก็จะถือว่าให้ นาย ก ไปดำรงตำแหน่งนั้น ส่วนนาย ข ที่เคยอยู่เป็นหัวหน้าเดิม ก็กลับไปประจำตำแหน่งที่ตัวเองครอง หมายความว่า นาย ข เป็นหัวหน้าอุทยานฯ อยู่ที่ลำปาง แต่ว่าตำแหน่งอยู่สงขลา ก็กลับไปสงขลา ประมาณนี้ ทีนี้คำสั่งนี้ที่ออกมามันไม่เคยมีอยู่ในประวัติศาสตร์ของกรมอุทยานฯ มันเหมือนว่า ออกมาแล้วทุกคน ต้องวิ่งเข้าหาผู้บริหาร เพื่อที่จะร้องขอว่าต้องการอยู่ในตำแหน่งที่ใด

เหมือนเป็นการเคาะระฆังให้ทุกคนได้ยินว่า เอาล่ะมันสีสัญญาณล่ะนะว่าทุกคนต้องวิ่งเต้นประมาณนั้น ทีนี้ก็เป็นอย่างว่าเลย ทุกคนก็โดนโยกย้าย หลายๆ คนที่ขอมาให้เราช่วย หลายๆ คนที่ไม่ได้มีงบประมาณ ไม่มีเงินไปก็โดนย้ายทุกคนเลย “ทุกคนก็ร้องขอเรามาว่า ผอ. หัวหน้าช่วยผมด้วย …” ตนบอกว่าไม่มีพาวเวอร์หรอก เพราะตอนนี้ก็เหมือนเป็นข้าราชการเกษียณอะนะ เราก็ถูกปลดมาต้องมานั่งทำบ้านอยู่ที่ไร่ ไปคุยกับใครเขาก็ไม่ให้เครดิตเราอยู่แล้ว หลังจากนั้น พอกลับไปทำงานสิทีนี้ ช่วงนั้นที่ว่าก็เลยเห็นมันเป็นเรื่องจริง แล้วการทุจริตครั้งนี้มันทำให้กรมฯ เสื่อม แล้วการทำงานมันเริ่มไม่ถูกต้อง ก็เลยไปร้องเรียนไว้ที่ ป.ป.ช. ประมาณ 6 เดือนที่แล้วว่า มีการทุจริตอย่างนี้ เพื่อให้ ป.ป.ช. เขาได้สืบค้นเพราะว่าป.ป.ช. พอมีอำนาจในการสืบเสาะแล้วก็หาข้อมูลได้ ก็หวังจากที่ ป.ป.ช. หลังจากนั้นก็ผ่านไปจนลืมมาถึง 3 ต.ค. 65 หลังศาลปกครองตัดสินให้ตนกลับมารับราชการ เห็นสภาพกับลูกน้องที่ทำงาน และไม่โอเคเหมือนแต่ก่อนที่จะทำอะไรก็สนุก พร้อม ทุกคนมีความสุขกับการทำงาน แต่กลับไปเหมือนทุกคนห่อเหี่ยวหมดแรงกับการทำงาน เลยถามว่าเป็นเพราะอะไร เราจะนัดเจอ สังสรรค์หรืออะไร ทุกคนพยายามเก็บตัวอยู่บ้านหมด เราก็เลยถามปัญหา พบว่าทุกคนแทบจะมีหนี้สินเยอะ รถไปเข้าไฟแนนซ์ กู้สหกรณ์ เป็นต้น พอถามว่าสาเหตุจากอะไร คือต้องไปปกป้องตำแหน่ง เอาเงินส่วนตัวไปปกป้องตำแหน่ง รักษาตำแหน่งเป็นหลักแสนแล้ว ยังต้องส่งทุกเดือนอีก จากที่ไม่เคยมีวัฒนธรรมอย่างนี้ ก็เลยไปร่วมกับ ปปป. กับ ป.ป.ช. ให้ข้อมูล ไปตรวจค้นตามที่เห็นเป็นข่าว

“ถามว่าทุจริตอย่างนี้ มันไม่เคยมีหรอกครับ การเรียกเก็บเงิน การดำเนินการแบบซื้อตำแหน่งขายตำแหน่ง …ผมอยู่นะ เราไปกินกัน ไปเที่ยวกัน ไปอะไรกัน มีการเลี้ยงการดูแลมันมีอันนี้ผมยอมรับ เราไป ไปถึงปั๊บลูกน้องพาไปกินข้าวต้ม พากินข้าว กินหมูกระทะอะไรอย่างนี้ มันมีในการเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างนี้เรามีอยู่แล้ว วัฒนธรรมในการดูแล อะไรอย่างนี้ในการเอื้อเฟื้อซื้อของฝากกันอะไรกันอันนี้มี เพราะฉะนั้นผมโตมาแบบนี้ ไม่เคยเห็นวัฒนธรรมแบบนี้ แบบเอากันถึงตายอะ จะเอากันจนถึงงานทำไม่ได้อะครับ ถ้างานทำไม่ได้ งบประมาณจะไปไหนล่ะ เพราะคนพวกนี้ก็มีหน้าที่เหมือนจักรกลที่คอยผลิตเงิน คุณต้องคอยเซฟเงิน คุณต้องคอย ต้องรักษาสถานะครอบครัวของคุณให้อยู่ให้ได้ ก็ไม่ใช่ที่จะอยู่อย่างนี้ละ… เพราะฉะนั้นการที่ การดำเนินการครั้งนี้ผมก็คงพิจารณาแล้วแหละว่า ถ้าผมทำหรือสู้ด้วยหลักการนี้แล้ว หน่วยงานที่เขาดำเนินงานตามกฎหมายได้ แล้วเขาต่อสู้ได้แทนเรา ผมว่ามันคุ้มสำหรับการที่จะออกมาร้องเรียนแล้วก็มาต่อสู้ในเรื่องแบบนี้ ก็ออกมาว่ากัน เพราะฉะนั้น เงินที่มีอยู่ กับเงินที่เห็นอยู่กองเกือบ 5 ล้านบาทมันใส่ซองๆ สื่อก็คงไม่ต้องถามแล้วว่าเป็นซองมาจากไหน แล้วใครเขียนอะไร มันเขียนชัดเจนเลยว่ามาจากที่ใดบ้าง แล้วก็เป็นค่าอะไรเขาเขียนไว้ชัดเจน”

ส่วนเหตุผลที่มีการจับกุมในวันนี้  นายชัยวัฒน์ บอกว่า  เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ยังเบิกจ่ายไม่ได้ เงินจะเข้าและเบิกจ่ายได้ในเดือนธันวาคม โดยมีการออกคำสั่งประชุมผู้บริหาร ในวันที่ 27 ธ.ค. 65 ซึ่งแผนนี้ 21 สำนัก ที่เป็นหน่วยงานสนามต้องมาประชุมพร้อมกัน เพราะฉะนั้นวัฒนธรรมที่ร้องเรียนอยู่แล้วถึงมาบรรจบมาวันเดียวกัน เพราะใครจะบินมาหลายครั้ง จะไม่มีโอกาสมาอีกแล้ว ดังนั้นก็มางานนี้แหละ จ่ายเงินแล้วกลับบ้านก็สะดวกที่สุด เพราะฉะนั้นวันที่ 27 ธ.ค. 65 ถึงเป็นวันที่ตนเห็นว่า ทุกคนต้องเอาเงินมาจ่ายพร้อมกัน

นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า การออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งกับอธิบดีกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นรุ่นพี่วนศาสตร์ของตนเอง เป็นเรื่องที่เกิดจากตนเพียงคนเดียว ทำคนเดียวเดินคนเดียววันนี้ปรึกษา ป.ป.ช. กับ บก.ปปป. แค่นั้นเอง ไม่มีเรื่องอื่น ไม่เรื่องส่วนตัวอะไร แต่รับไม่ได้เท่านั้นเอง ถ้าตนยังเป็นป่าไม้อยู่ แล้วต้องมายืนดูลูกน้องเป็นไม้ผุๆ ลูกน้องต้องกระฉับกระเฉง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

เปิดแผนจับอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกเงินวิ่งเต้นตำแหน่ง ?

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า