SHARE

คัดลอกแล้ว

ผบ.ตร. สั่งเพิ่มให้ ‘จเรตำรวจ’ ลงสอบปม ‘ส่วยทางหลวง’ ด้าน ‘วิโรจน์’ อัด ‘ผู้การทางหลวง’ หลังพูดเรื่องส่วย คือปลายเหตุ ขณะที่ ‘รังสิมันต์ โรม’ เสริมทัพชี้ต้นตออยู่ที่ ระบบเส้นสาย-ตั๋ว-วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง

ยังแรงต่อเนื่อง กรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาเปิดเผยเรื่อง ‘ส่วยสติ๊กเกอร์’ ที่มีราคาสูงเพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกของบรรดารถบรรทุกสินค้าน้ำหนักเกิน และผิดกฎหมาย ล่าสุด นายวิโรจน์ ได้โพสต์ภาพจากข่าวการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) ลงในเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 พ.ค. 66 พร้อมระบุข้อความว่า

“ต้นเหตุจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ตำรวจจะเอามาอ้างเป็นเหตุในการรีดไถ เก็บส่วยไม่ได้!!! ผิดกฎหมาย ก็จับ ปรับ ดำเนินคดี กฎหมายไม่สอดคล้องในทางปฏิบัติ ไม่ทันสมัย โทษไม่สมสัดส่วน มีช่องว่างให้เรียกรับผลประโยชน์ ก็แก้ไขกฎหมายให้เหมาะสม ต้นทางจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ปลายทาง มันต้องไม่ใช่ “ส่วย” แน่ๆ”

https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid034c5PnFqVdsR3nkqdZWrLpZNcJHs5pm98DyEKCE3sfKZ7Yoz52HZDUcx9oaj3DKYPl

 

ย้อนบทสัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.เอกราช ผู้การตำรวจทางหลวง ที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวสายอาชญากรรมหลายสำนัก กับประเด็นเรื่อง ‘ส่วยสติ๊กเกอร์’ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 66 โดยในบางคำตอบระบุว่า

“อย่างที่ผมนำเรียน ปัญหาเรื่องนี้เป็นปัญหาเรื่องรถบรรทุกหนัก เรื่องของส่วยก็ดี เรื่องอะไรก็ดี มันเป็นปลายเหตุ เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาให้รถบรรทุกหนักมันหมดไป หรือให้บรรเทาเบาบางลง มันจะต้องแก้ในภาพรวม”

[‘รังสิมันต์ โรม’ ออกมาเสริมทัพ ชี้ต้นตอที่แท้จริงของส่วย] 

ล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า จากกรณีที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้เปิดประเด็นเกี่ยวกับสติกเกอร์พิสดาร ที่มีคนกลุ่มหนึ่งคอยขายให้กับรถบรรทุกขนส่งต่างๆ แลกเปลี่ยนกับการให้ผ่านด่านทางหลวงได้โดยไม่ต้องชั่งน้ำหนักว่าบรรทุกเกินหรือไม่ หรือตรวจว่าขนของผิดกฎหมายมาหรือไม่

พูดง่ายๆ ตรงๆ นี่คืออีกรูปแบบหนึ่งของการเก็บส่วย เป็นอีกหนึ่งธุรกิจสีเทาที่คนในวงการขนส่งรู้กันว่า มีอยู่เกลื่อนกลาดไปหมด ในขณะที่คนขายสติกเกอร์เหล่านี้กอบโกย ประเทศกลับต้องเสียรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางตามกฎเกณฑ์ที่ควรได้รับอาจถึงหลักหมื่นล้านบาท ถนนที่รับน้ำหนักเกินต้องชำรุดทรุดโทรมอย่างรวดเร็วจนอาจต้องเป็นภาระต่อภาษีประชาชนเพิ่มขึ้นไปอีก หรือมากไปกว่านั้นคือบรรดาสิ่งไม่พึงประสงค์ที่อาจเล็ดลอดการตรวจสอบและกระจัดกระจายไปสร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นยาเสพติด อาจเป็นอาวุธเถื่อน หรือแม้แต่คนตัวเป็นๆ ที่ถูกนำไปใช้แรงงานทาสก็เป็นได้

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่สายตาของสังคมจับจ้องไปยังหน่วยงานราชการอย่างกรมทางหลวง หรือตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องป้องกันไม่ให้การเก็บส่วยแบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อในความเป็นจริงมันกลับเกิดขึ้นแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานดังกล่าวมีเอี่ยวด้วยหรือไม่

ในโพสต์นี้ผมขอขยายประเด็นต่อเนื่องไปจากที่คุณวิโรจน์เปิดไว้ ซึ่งก็จะกลับไปเน้นย้ำสิ่งที่ผมเคยพูดถึงอยู่หลายครั้งว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่เป็นรากฐาน เป็นต้นตอสำคัญของการมีส่วยไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม นั่นคือการมีอยู่ของระบบเส้นสาย ระบบตั๋ว และการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในหมู่ข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่ผมพูดถึงบ่อยมาก หรือข้าราชการอื่นๆ ก็ตาม

ภายใต้ระบบเช่นนี้ ผู้ที่จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตได้ ไม่ได้วัดกันที่ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามขอบข่ายความรับผิดชอบของหน่วยงานนั้นๆ แต่กลับวัดกันที่ความสามารถในการหาเงินหรือผลประโยชน์อื่นๆ มาตอบแทนให้กับ “นาย” ที่คอยขายตั๋วให้ หามาให้ได้โดยไม่ต้องสนใจว่ามันจะถูกหรือผิดอย่างไร ไม่ต้องสนใจว่าวิธีการที่ทำมันจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครบ้าง ซึ่งสุดท้ายแล้วช่องทางหาเงินและผลประโยชน์ที่ข้าราชการเหล่านี้สามารถอ้างใช้อำนาจของตัวเองกอบโกยมาได้ง่ายที่สุดก็หนีไม่พ้นธุรกิจมืดนั่นเอง

ถ้าระบบแบบนี้ยังมีอยู่ การเก็บส่วยก็ไม่มีวันที่จะหมดไป ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งที่กำลังจัดตั้งขึ้นจะต้องจัดการให้ได้โดยเด็ดขาด รัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด ชื่อว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”

ด้วยหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร ที่จะต้องควบคุมการปฏิบัติงานของข้าราชการในทุกกระทรวง ทุกกรม รวมถึงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ นี่คือภารกิจสำคัญในการปฏิรูประบบราชการที่ทั้งคุณพิธาและพรรคก้าวไกลจะต้องบรรลุผลให้ได้ภายในอายุการทำงานของพวกเราครั้งนี้ ถึงเวลาลอกสติ๊กเกอร์ที่ติดประจานความโสมมของประเทศนี้ แล้วชำระล้างเสียใหม่ให้กลายเป็นประเทศที่ทั้งข้าราชการและประชาชนสามารถได้ดิบได้ดีไปด้วยกันผ่านการปฏิบัติต่อกันอย่างสุจริตซื่อตรง มิใช่เป็นนาบนหลังคนให้ใครมาเก็บเกี่ยวกินโดยเบียดเบียนคนอื่นๆ ในสังคมอีกต่อไป

https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid02JtYce9o5X9JS8zZzLXvL1p3ekG1iekQgCjAxeXW4WpgaH8ENLV9w3UiJ8BQ1oaMCl

 

[ผบ.ตร. สั่งเพิ่ม ‘จเรตำรวจ’ สอบปม ‘ส่วย’ รถบรรทุก]

อย่างไรก็ตาม เมื่อกลางดึกของคืนวันเดียวกัน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ จเรตำรวจ ตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยเร่งด่วนว่า มีข้าราชการตำรวจหน่วยใด กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร พร้อมให้รายงานกลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเร็ว

โดยให้ประสานข้อมูลกับทางตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบหน่วยงานในสังกัด (กองบังคับการตำรวจทางหลวง) อีกทางหนึ่ง พร้อมรับข้อมูลจาก สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนทุกช่องทาง

ผบ.ตร.ได้กำชับให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่า มีข้าราชการตำรวจหรือบุคคลใดทุจริตในเรื่องดังกล่าว หรือเข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำผิดกฎหมาย หรือให้การช่วยเหลือ สนับสนุน ปล่อยปละละเลย ให้สืบสวนรวบรวมหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ แล้วรายงานข้อเท็จจริงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินการต่อไป หากพบว่า เกี่ยวข้องกับผู้ใดจะดำเนินการตามกระบวนการ ทั้งทางวินัย อาญา และปกครอง อย่างเด็ดขาดตามนโยบายด้วย

คำสั่งก่อนหน้านี้ ผบ.ตร. ให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงไปตรวจสอบเรื่องภายในหน่วยงานเท่านั้น

สรุปปมร้อน ‘ส่วยสติ๊กเกอร์’ ติดปุ๊บผ่านฉลุย


 

My Country Talks ร่วมกับสำนักข่าว TODAY ขอเชิญผู้ที่มีความสนใจ เข้าร่วมกิจกรรม World Talks ที่จะชวนคนจากหลากหลายพื้นที่ของโลกมาแลกเปลี่ยนไอเดีย เรื่องราว มุมมอง ผ่านการสนทนาแบบ 1:1

ผู้เข้าร่วมจะได้รับโอกาสพูดคุยกับผู้ที่มาจากต่างวัฒนธรรม ต่างบริบท ต่างแนวคิด โดยคัดจากการตอบคำถามในแง่มุมต่างๆ

หากท่านสนใจเข้าร่วม สามารถเริ่มต้นจากการตอบคำถามด้านล่างนี้ หรือเข้าไปที่ https://www.theworldtalks.org/invite

*คำถามและบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า