นายกฯ เบ่งกล้ามสู้ บอก “ไม่รู้” ขาลงหรือขาขึ้น พร้อมเผย พรรคเศรษฐกิจไทยหนุนรัฐบาล ชี้สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับครม.
วันที่ 3 ก.พ. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองและการวิเคราะห์ยุบสภาว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ก็ต้องวิเคราะห์สถานการณ์ ปรึกษาหารือ กับคนที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ใช่ว่านายกฯ ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว แต่จะต้องตัดสินใจบนข้อมูลพื้นฐานที่มีอยู่
ตอนนี้ยังไม่มีอะไร สิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องการ คือ การทำงานให้ได้ บ้านเมืองมีปัญหา ประชาชนเดือดร้อน ก็ทำงานให้ได้ไปก่อน การเมืองก็ว่าในเรื่องทางการเมืองต่อไป ต่อไปต้องเผชิญกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมในการชี้แจง และหลายอย่างมีการชี้แจงไปแล้ว โดยพร้อมให้เกียรติในการอภิปราย
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า ไม่มีการต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรี และไม่อยู่ในแนวทางที่จะต้องปฏิบัติในเวลานี้ เพราะยังต้องทำงานก่อน
ส่วนการเลือกตั้งซ่อม เขต 9 จตุจักร-หลักสี่ ที่พรรคพลังประชารัฐแพ้ เป็นเพราะกระแสนิยมในตัวของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมี 400 เขต จะแพ้ 1 – 2 เขต ก็เป็นเรื่องของการแพ้ชนะ ก็ว่ากันไป ขึ้นอยู่กับความนิยมของประชาชน
จากนั้นนายกฯ ได้อ่านคำถามของสื่อมวลชนออกเสียง “เป็นเพราะกระแสนิยมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในช่วงขาลง และได้ตอบว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขาลงหรือขาขึ้น ผมก็เหมือนขึ้นบันไดและลงบันไดทั้งวัน ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการทำงานมากกว่าผมว่า การเมืองก็คือการเมือง เรื่องพรรคพลังประชารัฐก็ให้กำลังใจในการทำงานทุกคนทำงานไม่ง่ายนักหรอก โดยเฉพาการเมืองในขณะนี้ ทุกพรรคแหละครับผมยืนยัน ผมทราบดี ผมก็พยายามจะทำให้ทุกฝ่ายเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล เฉพาะฉะนั้นไม่ได้มีอะไรผมยืนยัน ผมพูดกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรคก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ให้กำลังใจเสมอกับทุกคน ตราบใดที่ยังทำงาน และทำความดีร่วมกัน ก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ส่วนการประสานงานกับพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ย้ายไปสังกัด ว่า ก็เหมือนกับพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เข้าใจตรงกันว่า เราทำงานเพื่อประเทศชาติ ให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปก่อนให้ได้โดยเร็วที่สุด ส่วนใครจะมีคำกล่าวอะไรนั้น พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ก็แล้วแต่เพราะไม่ใช่คนเจ้าคารี้สีคารมกับใครทั้งสิ้น ใครพูดอะไรก็พร้อมรับฟัง พร้อมย้ำว่า พรรคเศรษฐกิจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประวิตร ก็บอกมาเช่นนั้น และก็ยังไม่มีความคิดปรับครม. สถานการณ์ยังไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ปัจจุบันนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด แต่ถ้าอะไรจะเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิด แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เลวร้าย หรือ แย่ไปทั้งหมด และเชื่อมั่นว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังเข้าใจ ไว้ให้ถึงเลือกตั้งใหญ่ค่อยว่ากัน
ส่วนการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.กับการเลือกตั้งใหญ่ อะไรจะเกิดขึ้นก่อน พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องรอดูกฏหมายลูก และสถานการณ์การเมืองเป็นส่วนประกอบ ซึ่งการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. จะมีขึ้นในเดือน พ.ค. ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหรือเกิดโดยที่ไม่คาดหมาย ขณะที่การเลือกตั้งใหญ่ต้องรอกฏหมายลูก ซึ่งไม่มีข้อกังวลใดๆ เพราะมีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว ก็หวังว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์อะไรที่มีปัญหาเกิดขึ้นจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด แต่ไม่ขอยืนยัน ว่าจะไม่มีการยุบสภาระหว่างทำกฏหมายลูก และยอมรับว่า มีการประเมินและเตรียมการแก้ปัญหา หากกฎหมายลูกไม่ผ่านหรือมีเหตุให้ตกไป
นายกรัฐมนตรี ยังบอกด้วยว่า ไม่มีไม้เด็ดในมือ ตอนนี้มีแต่กระดาษที่ถืออยู่ ซึ่งวันนี้มีแต่ความมั่นใจ ตั้งใจจริง ที่จะทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น ไม่กดดันในการทำงานกับเวลาที่เหลืออยู่ เพราะปัญหาต่างๆ จะแก้ภายในรัฐบาลเดียวไม่ได้ ต้องช่วยกันสานต่อ ใครจะมารัฐบาลก็ต้องทำต่อ
ทั้งนี้ในช่วงท้ายขณะนายกฯ จะเดินกลับ ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า วันนี้นายกฯ ยังสู้อยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถามกลับว่า “วันนี้วันอะไร” และพูดต่อว่า “ทหารผ่านศึก” โดยระหว่างที่พูดนั้นได้ยกแขนขวาขึ้นมาหนึ่งในลักษณะเบ่งกล้ามด้วย