ซูเปอร์โพลจี้ “สิระ” ลาออก ผู้ใหญ่พปชร.ควรรับผิดชอบ

นายกฯ ยอมรับ ตักเตือน ส.ส.สิระ หลังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมระหว่างลงพื้นที่ภูเก็ต “ธรรมนัส” ระบุ พลังประชารัฐไม่มีนโยบายให้ ส.ส.ลงพื้นที่ข้ามเขตตัวเอง ขณะที่ ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจคนในโลกโซเซียล เกือบ 100 % จี้ให้พรรคพลังประชารัฐ ออกมาขอโทษประชาชนและสังคม

พล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดก่อนเข้าประชุมครม.

กลายเป็นประเด็นร้อนของพรรคพลังประชารัฐ หลังมีคลิปของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ระหว่างลงพื้นที่ ต.กะรน จ.ภูเก็ต เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย โดยในคลิปนายสิระ มีการใช้คำพูดดูไม่เหมาะสมต่อว่า พ.ต.ท.ประเทือง ผลมานะ รองผู้กำกับการ สภ.กะรน ที่ไม่มาดูขณะลงพื้นที่เพราะตนถูกขู่ฆ่า นอกจากนี้ นายสิระ ยังไม่โต้เถียงกับ นายกเทศมนตรีกะรนกับทีมงาน เรื่องการดำเนินการกับโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูต้องสงสัยรุกป่าด้วย

เช้าวันนี้ (20 ส.ค. 62) ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีสีหน้าเคร่งเครียดและได้ตอบคำถามถึงกรณีของนายสิระเพียงสั้นว่า ตักเตือนแล้ว ขอให้ลด อย่าทำเลย ผมไม่เห็นชอบด้วย

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ประสานงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรื่องของนายสิระไม่กระทบกับพรรค เป็นเรื่องส่วนตัว เขาไม่ได้ไปในนามพรรค เพราะพรรคไม่มีนโยบายใน ส.ส.ลงพื้นที่ข้ามเขตตัวเอง เขาไม่ได้แสดงในนามของพรรคพลังประชารัฐ ให้ผู้ใหญ่ในพรรคพิจารณา เรายังไม่ได้โต้ตอบอะไรเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว จะมุ่งมาที่พรรคก็เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะนายสิระไม่ได้ทำงานในนามของพรรค

ขณะที่ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจเรื่อง “เสียงสะท้อนของคนในโซเชียล ต่อพฤติกรรม ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐกับตำรวจภูเก็ต” กลุ่มตัวอย่าง 10,401 ตัวอย่าง

โดยความเห็นที่น่าสนใจ

ร้อยละ 98.50 เห็นว่า มีปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรมของ ส.ส. มีเพียงร้อยละ 1.50 เห็นว่า ไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามถึงความรับผิดชอบของ ส.ส.คนดังกล่าวต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ร้อยละ 50.27 เห็นว่า ส.ส.ควรขอโทษตำรวจภูเก็ตแบบไทยๆ ที่ส.ส.ขอให้ ตำรวจขอโทษแบบไทยๆ ร้อยละ 48.53 เห็นว่า ควรลาออก มีเพียงร้อยละ 1.20 ที่มองว่าไม่ต้องรับผิดชอบ

ส่วนความรับผิดชอบของผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 95.74 เห็นว่า ควรขอโทษประชาชนและสังคม มีเพียงร้อยละ 4.26 ที่เห็นว่า ไม่ควรร