SHARE

คัดลอกแล้ว

Culpa Tuya ครองตำแหน่ง เนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่มีผู้เข้าชมสูงสุดตลอดกาลในช่วงเปิดตัว โดยมี Apocalypse Z: The Beginning of the End, Marry My Husband และ No Gain No Love ติดอันดับด้วย เนื้อหายอดนิยมหลายรายการของ Prime Video จะกลับมาในซีซั่นใหม่และภาคต่อ รวมถึงในรูปแบบผลงานดัดแปลง ในปี 2568 เป็นต้นไป

Prime Video เปิดเผยรายชื่อ 10 อันดับ เนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ (Non-English Language International Original) ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในปี 2567 โดยภาพยนตร์วัยรุ่นสัญชาติสเปนเรื่อง Culpa Tuya ได้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก ขึ้นแท่นเป็นเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศที่มียอดผู้ชมสูงสุดตลอดกาลบน Prime Video ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานภาคสองซึ่งสร้างจาก Culpables นวนิยายไตรภาคระดับ best-selling ของ Mercedes Ron โดยเปิดตัวบน Prime Video เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ใน 240 ประเทศและแขตแดนทั่วโลก ทันทีที่เปิดตัว Culpa Tuya ครองอันดับ 1 บน Prime Video ในมากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสเปน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี บราซิล เม็กซิโก โคลอมเบีย อาร์เจนตินา ชิลี และแคนาดา ติดอันดับ 1 ใน 3 ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร และติดอันดับ 1 ใน 10 ในกว่า 220 ประเทศ ปัจจุบัน Culpa Tuya กลายเป็นเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่มียอดผู้ชมสูงสุดบน Prime Video ทั่วโลกหลังเปิดตัว โดย 90% ของการรับชมมาจากผู้ชมนอกประเทศสเปน

 

ในปี 2567 เนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ของ Prime Video เปิดตัวด้วยประสบความสำเร็จระดับโลก และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการรับชมรายการต่างประเทศ โดยมีภาพยนตร์และซีรีส์จากจำนวน 7 ประเทศที่ติดอันดับเนื้อหาที่มีผู้เข้าชมสูงสุด 10 อันดับแรก สะท้อนพฤติกรรมการรับชมที่มีความหลากหลายของสมาชิก Prime Video

10 อันดับ เนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดบน Prime Video ในปี 2567 (จัดอันดับจากจำนวนผู้เข้าชมนอกประเทศผู้ผลิต):

  1. Culpa Tuya (ภาพยนตร์, สเปน, ธันวาคม 2567)
  2. Apocalypse Z: The Beginning of the End (ภาพยนตร์, สเปน, ตุลาคม 2567)
  3. Maxton Hall: The World Between Us (ซีรีส์, เยอรมนี, พฤษภาคม 2567)
  4. Citadel: Diana (ซีรีส์, อิตาลี, ตุลาคม 2567)
  5. Citadel: Honey Bunny (ซีรีส์, อินเดีย, พฤศจิกายน 2567)
  6. Red Queen (ซีรีส์, สเปน, กุมภาพันธ์ 2567)
  7. Marry My Husband (ซีรีส์, เกาหลี, มกราคม 2567)
  8. No Gain No Love (ซีรีส์, เกาหลี, สิงหาคม 2567)
  9. Betty La Fea, The Story Continues (ซีรีส์, โคลอมเบีย, สิงหาคม 2567)
  10. Like A Dragon: Yakuza (ซีรีส์,ญี่ปุ่น, ตุลาคม 2567)
    *จัดอันดับจากจำนวนผู้ชมนอกประเทศผู้ผลิตในช่วง 4 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว โดยจัดอันดับเฉพาะเนื้อหาที่เปิดตัวในปี 2567

ประเทศและประเภทเนื้อหายอดนิยมที่ดึงดูดผู้ชมทั่วโลก

 

เนื้อหาวัยรุ่น (Young adult) เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีภาพยนตร์ Culpa Tuya ครองอันดับเนื้อหาวัยรุ่นที่มีผู้เข้าชมสูงสุด ตามมาติดๆ ด้วยซีรีส์เยอรมัน Maxton Hall: The World Between Us ซึ่งสร้างจากนวนิยายขายดี Save Me ของนักเขียน Mona Kasten ขณะที่เนื้อหาเกาหลีซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ชมวัยรุ่นหญิงอย่าง Marry My Husband และ No Gain No Love ก็ติดอันดับบนชาร์ต 10 เนื้อหายอดนิยมเช่นเดียวกัน สะท้อนพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่ที่นิยมเสพเนื้อหาข้ามพรมแดนมากขึ้น โดยไม่จำกัดภาษาหรือที่มา

 

“ปีที่ผ่านมาเป็นปีสำคัญสำหรับเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ บน Prime Video ด้วยจำนวนสมาชิกที่รับชมรายการต่างประเทศมากขึ้น ทั้งจากในและนอกประเทศผู้ผลิต” James Farrell รองประธานฝ่าย International Originals ของ Prime Video & Amazon MGM Studios กล่าว “กลยุทธ์ของเราสำหรับเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ คือการทำงานด้วยความเชื่อว่า เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่สามารถมาจากที่ไหนก็ได้ และสามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมทุกที่บนโลก และความสำเร็จที่เราได้เห็นในเนื้อหาจากหลากหลายประเภทและประเทศ ทำให้เราเชื่อมั่นที่จะลงทุนในเรื่องราวที่ผลิตในท้องถิ่นต่อไป เพื่อผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ”

 

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็น Culpa Tuya เชื่อมโยงกับผู้ชมในระดับโลกอย่างสูงจนก้าวขึ้นเป็นเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่มีการรับชมมากที่สุดของเราตลอดกาลในช่วงเปิดตัว และฉันก็รู้สึกยินดีที่เราจะสร้างความประทับใจให้แฟนๆ Culpables มากยิ่งขึ้นด้วยเรื่องราวภาคต่อไปของนิยายไตรภาคจากนักเขียน Mercedes Ron” María Contreras หัวหน้าฝ่าย Movies & Scripted TV ของ Prime Video & Amazon MGM Studios กล่าว “ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในระดับโลกของผลงานออริจินัลภาษาสเปน จากการที่ Apocalypse Z และ Red Queen ติดอันดับในรายชื่อ 10 รายการยอดนิยมร่วมกับ Culpa Tuya แสดงให้เห็นถึงพลังดึงดูดของการเล่าเรื่องที่น่าสนใจในระดับสากล โดยไม่จำกัดภาษาหรือประเทศผู้ผลิต”

 

“เป้าหมายของเราที่ผ่านมาของเราโดยตลอด คือการผลิตผลงานออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่สร้างผลกระทบที่ทรงพลังต่อผู้ชมในประเทศบ้านเกิดก่อนเป็นอันดับแรก” James Farrell รองประธานฝ่าย International Originals ของ Prime Video & Amazon MGM Studios กล่าว “เป็นเรื่องน่ายินดีที่การลงทุนในการส่งเสริมบุคลากร การผลิต และการเล่าเรื่องในท้องถิ่นของเรา ยังคงเชื่อมโยงกับลูกค้าในท้องถิ่น ด้วยการทำลายสถิติการรับชมเดิมในประเทศผุู้ผลิตในปี 2567

ก้าวเข้าสู่ปี 2568 และอนาคตต่อจากนี้

Prime Video จะยังคงลงทุนในรายการต่างประเทศคุณภาพสูงและหลากหลายที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ โดย 7 ใน 10 ขอเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศยอดนิยมจะกลับมาในรูปแบบของซีซั่นใหม่และภาคต่อ รวมถึงในรูปแบบผลงานดัดแปลง ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป

 

สมาชิกจะได้พบกับภาพยนตร์ยอดนิยมของแฟนๆ อย่าง Culpa Nuestra และภาพยนตร์ภาคแรกซึ่งดัดแปลงในเวอร์ชั่นของสหราชอาณาจักรอย่าง My Fault: London รวมถึงผลงานที่สร้างจากหนังสือภาคแรกจากนิยายไตรภาค Dímelo ของนักเขียน Mercedes Ron ที่มีชื่อว่า Tell Me Softly ในภาษาอังกฤษ และภาคต่อของ Apocalypse Z นอกจากนี้ ยังมีผลงานที่จะกลับมาพร้อมกับซีซั่นใหม่ ได้แก่ Maxton Hall: The World Between Us, Red Queen และ Betty La Fea, The Story Continues พร้อมด้วยเนื้อหาต่างประเทศใหม่ๆ อย่าง Newtopia (เกาหลีใต้), Superboys of Malegaon (อินเดีย), Unburied (เม็กซิโก), Graduation Trip: Mallorca (สเปน) และ Costiera (อิตาลี) ภาพยนตร์และซีรีส์ทั้งหมดนี้พร้อมให้บริการแก่สมาชิก Prime Video ใน 240 ประเทศและเขตแดนทั่วโลก โดยมีตัวเลือกคำบรรยายถึง 34 ภาษาและเสียงพากย์ 18 ภาษา

 

*การวัดผลของ Culpa Tuya จัดอันดับจากจำนวนผู้ชมทั้งหมดทั่วโลกในช่วง 4 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว โดยพิจารณาจากเนื้อหาออริจินัลภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศทั้งหมด
*รายชื่อ 10 อันดับเนื้อหาที่มียอดผู้ชมมากที่สุด คำนวณจากจำนวนผู้ชมนอกประเทศผู้ผลิตทั้งหมดในช่วง 4 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว โดยพิจารณาจากผลงานเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่เปิดตัวในปี 2567

เนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่จะเปิดตัวในปี 2568

  • Newtopia (เกาหลี, 7 กุมภาพันธ์)
  • My Fault: London (สหราชอาณาจักร, 13 กุมภาพันธ์)
  • Broken Rage (ญี่ปุ่น, 14 กุมภาพันธ์)
  • Carjackers (ฝรั่งเศส)
  • Dímelo Bajito (‘Tell Me Softly’) (สเปน)
  • Graduation Trip: Mallorca (สเปน)
  • Superboys of Malegaon (อินเดีย)
  • Tremembé (บราซิล)
  • FACEOFF: Inside the NHL ซีซั่น 2 (แคนาดา)

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศยอดนิยมปี 2567

1) Culpa Tuya

Culpa Tuya (Your Fault) เป็นเรื่องราวภาคสองที่สานต่อความสำเร็จของ Culpa Mía (My Fault) ซึ่งเปิดตัวบน Prime Video ในเดือนมิถุนายน 2566 และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนกลายเป็นภาพยนตร์ออริจินัลภาษาต่างประเทศที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดทั่วโลก โดย Culpa Mía ดัดแปลงมาจากหนังสือเล่มแรกของนิยายไตรภาค Culpable ซึ่งติดอันดับขายดีที่สุดของนิวยอร์กไทมส์จากปลายปากกาของนักเขียน Mercedes Ron ติดอันดับ 10 อันดับแรกของรายการที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในกว่า 190 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย อินเดีย อาร์เจนตินา และฝรั่งเศส และในภาคสอง Culpa Tuya จึงกลับมาพร้อมกับนักแสดงนำ Nicole Wallace (Skam España, Parot) และ Gabriel Guevara (Mañana es hoy, Hit) ที่มาสานต่อบทบาทโนอาห์และนิคอีกครั้ง

ความรักระหว่างโนอาห์และนิคดูเหมือนจะไม่มีวันแยกจาก แม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะพยายามทำให้พวกเขาเลิกกันก็ตาม แต่ทว่างานของเขาและการเข้าเรียนในวิทยาลัยของเธอกำลังนำพาให้ชีวิตของทั้งคู่ได้พบกับความสัมพันธ์ใหม่ๆ การปรากฏตัวขึ้นของอดีตแฟนสาวที่ต้องการแก้แค้น และแม่ของนิคที่มีจุดประสงค์คลุมเครือ ไม่เพียงสั่นคลอนรากฐานความสัมพันธ์ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงครอบครัวเลสเตอร์ด้วย เมื่อมีคนมากมายที่พร้อมทำลายเรื่องราวความรักของพวกเขา เรื่องราวจะจบลงด้วยดีได้จริงหรือไม่

2) Apocalypse Z: The Beginning of the End

ภาพยนตร์แนวผจญภัยระทึกขวัญที่ดัดแปลงมาจากหนังสือเล่มแรกของนิยายไตรภาคที่ประสบความสำเร็จของ Manel Loureiro ผลิตโดย Nostromo Pictures เรื่องราวหลังเกิดหายนะที่จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณสูบฉีด เรื่องราวเข้มข้นอัดแน่นผสานแอ็กชั่น พร้อมด้วยกลิ่นอายดราม่าและคอเมดี้ กำกับโดย Carles Torrens และนำแสดงโดย Francisco Ortiz (The Legend of El Cid), Berta Vázquez (Vis a vs) และ Jose María Yazpik (Narcos Mexico) โดยมี Ángel Agudo เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ Carles Torrens เป็นผู้กำกับ ขณะที่ Núria Valls และ Adrián Guerra เป็นผู้อำนวยการสร้าง

Apocalypse Z: The Beginning of the End ว่าด้วยเรื่องราวขณะที่โรคประหลาดคล้ายโรคพิษสุนัขบ้าเริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลกจนเกินจะควบคุมได้ และเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดร้าย แต่ชีวิตของ Manel (Francisco Ortiz) นั้นเหมือนเขาอยู่ในวันสิ้นโลกในแบบของตัวเองมาสักพักแล้ว เขายังคงสะเทือนใจกับการสูญเสียภรรยาจากอุบัติเหตุ เศร้าและปลีกตัวจากคนในครอบครัวมานานหนึ่งปี โดยมีแมวของเขา Lúculo เป็นเพื่อนเพียงคนเดียว เมื่อการแพร่กระจายของโรคติดต่อร้ายแรงขึ้น น้องสาวของเขายืนยันให้เขาออกจาก Vigo และไปเจอเธอที่หมู่เกาะ Canary แต่แผนการกลับล้มเหลว สถานการณ์บังคับให้เขาและ Lúculo ต้องออกเดินทางและได้พบกับเพื่อนร่วมทางจำเป็นที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ Apocalipsis Z: El principio del fin เป็นเรื่องราวของความเศร้าจากการสูญเสีย การออกเดินทางเพื่อเอาตัวรอดทั้งทางกายและทางใจ พร้อมด้วยแอ็กชั่นและความลุ้นระทึก การติดเชื้อ เลือด… และแมวขี้บ่น

3) Maxton Hall: The World Between Us (Maxton Hall: โลกที่ขวางระหว่างเรา)

ซีรีส์ที่สร้างจากนวนิยายไตรภาคขายดีเรื่อง Save Me, Save You และ Save Us ของนักเขียน Mona Kasten ผลิตโดย UFA Fiction เรื่องราวความรักยุคใหม่ระหว่าง เจมส์ โบฟอร์ต (Damian Hardung) และ รูบี้ เบลล์ (Harriet Herbig-Matten) เมื่อรูบี้ค้นพบความลับน่าตกใจในโรงเรียนแม็กซ์ตันฮอลล์โดยไม่ได้ตั้งใจ เจมส์ โบฟอร์ต ทายาทเศรษฐีผู้หยิ่งผยองจึงต้องรับมือกับนักเรียนทุนผู้มีไหวพริบอย่างรูบี้ เขามุ่งมั่นที่จะปิดปากเธอให้สนิท แต่แล้วการปะทะคารมอันร้อนแรงระหว่างพวกเขาทั้งคู่กลับจุดประกายบางอย่างขึ้นโดยไม่คาดคิด

4) Citadel: Diana

ซีรีส์สัญชาติอิตาลีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลสายลับระดับโลก Citadel* นำแสดงโดย Matilda De Angelis (มาทิลดา เด แองเจลิส) (The Undoing) สมทบด้วยทีมนักแสดงระดับโลก อาทิ Lorenzo Cervasio, Maurizio Lombardi, Julia Piaton, Thekla Reuten, Giordana Faggiano, Daniele Paoloni, Bernhard Schütz และ Filippo Nigro Citadel: Diana กำกับโดย Arnaldo Catinari และพัฒนาโดย Alessandro Fabbri ซึ่งยังรับหน้าที่เป็นหัวหน้านักเขียน และเขียนบทร่วมกับ Ilaria Bernardini, Gianluca Bernardini, Laura Colella และ Giordana Mari ซีรีส์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย Amazon MGM Studios ร่วมกับ Cattleya (ZeroZeroZero) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ITV Studios ร่วมด้วยโชว์รันเนอร์และผู้อำนวยการสร้างบริหาร Gina Gardini โดยมี Riccardo Tozzi, Marco Chimenz, Giovanni Stabilini และ Emanuele Savoini รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักภาพยนตร์และโสตทัศน์ กระทรวงวัฒนธรรมประเทศอิตาลี ทั้งนี้ Citadel: Diana รวมถึงซีรีส์ทั้งหมดในโลกของ Citadel มี Anthony Russo, Joe Russo, Angela Russo-Otstot และ Scott Nemes จาก AGBO ร่วมกับ David Weil (Hunters) เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร โดย Midnight Radio เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารด้วยเช่นกัน

มิลาน, 2573 (ค.ศ. 2030): เมื่อแปดปีก่อน หน่วยงานสายลับอิสระระดับโลกอย่าง Citadel ได้ล่มสลายลงจากการทำลายโดยหน่วยปฏิบัติการของ Manticore ตั้งแต่นั้นมา Diana Cavalieri (Matilda De Angelis) สายลับนอกเครื่องแบบของ Citadel จึงต้องอยู่ตัวคนเดียวและติดอยู่ในพื้นที่ของศัตรูใน Manticore และในที่สุดเมื่อเธอมองเห็นทางออกและโอกาสที่จะหายตัวไปตลอดกาล วิธีเดียวที่เธอจะทำเช่นนั้นได้คือการไว้วางใจพันธมิตรที่คาดไม่ถึงที่สุด Edo Zani (Lorenzo Cervasio) ทายาทของ Manticore อิตาลี และลูกชายของหัวหน้าองค์กรอิตาลี Ettore Zani (Maurizio Lombardi) ผู้กำลังช่วงชิงตำแหน่งผู้นำกับตระกูลอื่นๆ ในยุโรป

5) Citadel: Honey Bunny

ซีรีส์สัญชาติอินเดียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลสายลับระดับโลก Citadel* กำกับโดย Raj & DK (Raj Nidimoru และ Krishna DK) เขียนบทโดย Sita R. Menon ร่วมกับ Raj & DK ผลิตโดย D2R Films, Amazon MGM Studios และอำนวยการสร้างโดยบริษัท AGBO ของพี่น้องรุสโซ (Russo Brothers) ทั้งนี้ Anthony Russo, Joe Russo, Angela Russo-Otstot, and Scott Nemes จาก AGBO ร่วมกับ David Weil (Hunters) รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารของ Citadel: Honey Bunny รวมถึงซีรีส์ทั้งหมดในโลกของ Citadel ขณะที่ Midnight Radio รับหน้าที่อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารเช่นเดียวกัน

ซีรีส์เรื่องนี้นำแสดงโดย Varun Dhawan (วรุณ ดาวัน) และ Samantha (ซาแมนธา) ร่วมกับ Kay Kay Menon (เคย์ เคย์ เมนอน) พร้อมด้วยทีมนักแสดง ได้แก่ Saqib Saleem, Simran, Sikandar Kher, Soham Majumdar, Shivankit Parihar และ Kashvi Majmundar เรื่องราวน่าติดตามของสายลับในยุค 90 ซึ่งมาพร้อมกับฉากแอ็กชั่นสุดระทึก งานสตั๊นท์อันน่าทึ่ง และความตื่นเต้นที่ทำให้คุณลุ้นจนแทบหยุดหายใจ ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับการแสดงที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ และงานภาพแบบยิ่งใหญ่จัดเต็ม เมื่อสตั๊นท์แมนอย่างบันนี่ (วรุณ ดาวัน) ชักชวนนักแสดงสาวตกอับ ฮันนี่ (ซาแมนธา) ให้มาร่วมงานกับเขา ทั้งสองก็ถูกเหวี่ยงเข้าสู่โลกสุดอันตรายของแอ็กชั่น สายลับ และการทรยศ หลายปีต่อมา เมื่ออดีตอันเสี่ยงภัยของพวกเขากลับมาตามหลอกหลอน ฮันนี่และบันนี่ที่ตอนนี้กลายเป็นคนแปลกหน้าจะต้องกลับมาจับมือต่อสู้ร่วมกัน เพื่อปกป้องลูกสาวตัวน้อยของพวกเขา นาเดีย

6) Red Queen

ด้วยระดับไอคิวสูงถึง 242 คะแนน “แอนโทเนีย สกอตต์” (Antonia Scott) นับว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลก ความฉลาดของเธอทำให้เธอกลายเป็น “ราชินีแดง” ของโครงการทดลองลับของตำรวจ แต่สิ่งที่ดูเหมือนเป็นของขวัญนี้กลับกลายเป็นคำสาปที่ทำให้เธอต้องสูญเสียทุกสิ่งในท้ายที่สุด เมื่อมีการพบว่าลูกชายของมหาเศรษฐีถูกฆาตกรรมอย่างน่าสยดสยอง และลูกสาวของชายที่ร่ำรวยที่สุดในสเปนถูกลักพาตัว องค์กร Red Queen จึงเริ่มเคลื่อนไหว “เมนเทอร์” (Mentor) อดีตเจ้านายของแอนโตเนียหันไปหา “จอน กูติเอร์เรซ” (Jon Gutiérrez) ตำรวจอารมณ์ร้อนที่จวนเจียนจะถูกไล่ออกจากกองเพื่อดึงแอนโทเนียกลับมาปฏิบัติการอีกครั้ง เกมไล่ล่าชิงไหวชิงพริบแบบแมวจับหนูที่จอนและแอนโทเนียเข้าไปพัวพันระหว่างการสืบสวนทำให้พวกเขาพบว่าต่างก็ชื่นชมและเติมเต็มกันและกันมากพอๆ กับที่พวกเขาทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด Red Queen เป็นซีรีส์ระทึกขวัญที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมาดริด ผ่านส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเรื่องราวการสืบสวนที่รวดเร็วน่าติดตาม และเคมีระหว่างสองตัวละครเอกที่น่าดึงดูดและเต็มไปด้วยไหวพริบ

7) Marry My Husband

Marry My Husband เป็นผลงานซีรีส์ tvN และ Amazon Original ซึ่งผลิตโดย Studio Dragon บริษัทย่อยของ CJ ENM ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากนวนิยายออนไลน์ยอดนิยม บอกเล่าเรื่องราวการแก้แค้นอันน่าติดตามของ “คังจีวอน” (พัคมินยอง) หญิงสาวที่ป่วยหนักระยะสุดท้าย และพบว่าสามี “พัคมินฮวาน” (อีอีคยอง) แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “จองซูมิน” (ซงฮายุน) เพื่อนสนิทของเธอ แต่แล้วเธอก็ได้รับโอกาสให้ข้ามเวลากลับไปเมื่อสิบปีก่อนหน้า แผนการพลิกโชคชะตาเพื่อล้างแค้นของเธอจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีเพื่อนร่วมงานอย่าง “ยูจีฮยอก” (นาอินอู) คอยให้ความช่วยเหลือ

คังจีวอนเป็นหญิงสาวธรรมดาๆ ที่พบกับความยากลำบากในชีวิตครอบครัวและที่ทำงาน เธอใช้ชีวิตอย่างเสียสละเพื่อคนที่รัก ดูแลสามีที่ไม่เอาไหน และถูกครอบครัวของสามีข่มเหง เพียงเพื่อพบว่าเธอถูกเอาเปรียบจากความดีของตัวเอง เมื่อสามีของเธอลักลอบคบชู้กับเพื่อนสนิทคนเดียวที่เธอมี มากไปกว่านั้นคือจีวอนยังต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งอีกด้วย แต่แล้วโชคก็กลับมาเข้าข้างเธออีกครั้ง เมื่อจีวอนได้รับโอกาสให้เดินทางกลับไปในอดีต และวางแผนส่งต่อความโชคร้ายให้คนทรยศ

8) No Gain No Love

ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติก-คอเมดี้ที่พูดถึงความสัมพันธ์แบบไม่ยอมเสียประโยชน์ รวมนักแสดงนำอย่าง ชินมินอา, คิมยองแด, อีซังอี, ฮันจีฮยอน และทีมนักแสดงอีกมากมาย ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความรักยุคใหม่และการไม่อยากเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งในด้านความรัก เงินทอง และการงาน

หลังจากที่ “ซนแฮยอง” รับบทโดย ชินมินอา ต้องเผชิญกับความสูญเสียในชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งเรื่องครอบครัว ความรัก และการงาน เธอจึงพยายามเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองด้วยการจัดการงานแต่งงานปลอมๆ ขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองพลาดการเลื่อนตำแหน่งในบริษัท โดยมี “คิมจีอุก” รับบทโดย คิมยองแด (The Forbidden Marriage, Sh**ting Stars, Moon in the Day) พนักงานร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน มารับหน้าที่เจ้าบ่าวกำมะลอ คิมจีอุกทำงานเป็นพนักงานกะกลางคืนซึ่งเป็นที่รู้จักของบรรดาเพื่อนบ้านในฐานะพลเมืองต้นแบบผู้ไม่สามารถอยู่เฉยได้เมื่อเห็นใครต้องการความช่วยเหลือ เขาจึงตกลงรับข้อเสนอแปลกประหลาดของแฮยองที่ต้องการให้เขามาเป็นเจ้าบ่าวของเธอ ซีรีส์เรื่องนี้ยังเสริมทัพด้วยนักแสดงอย่าง อีซังอี (Hometown Cha-Cha-Cha) รับบทเป็น “บกกยูฮยอน” ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลแชโบลและเป็นซีอีโอของบริษัทที่แฮยองทำงานอยู่ พร้อมด้วย ฮันจีฮยอน (Cheer Up, The Penthouse) ที่รับบทเป็น “นัมจายอน” นักเขียนนิยายออนไลน์เรท R ยอดนิยม ซึ่งเป็นทั้งรูมเมทและเพื่อนสนิทที่เหมือนคนในครอบครัวของแฮยอง

No Gain No Love กำกับโดย ผู้กำกับคิมจองชิก (Strong Girl Nam-soon; Work Later, Drink Now) และเขียนบทโดยคิมฮเยยอง (Her Private Life)

9) Betty La Fea, The Story Continues

Betty La Fea, The Story Continues เป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่ยังคงดึงดูดผู้ชมทั่วโลกด้วยเรื่องราวที่เฉลิมฉลองพลังของผู้หญิง เมื่อผู้ชมได้พบกับตัวละครเบ็ตตี้ครั้งแรกเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ความหมายและการรับรู้เกี่ยวกับความงามถูกท้าทาย ‘เบ็ตตี้’ ในเวอร์ชั่นใหม่กลับมาพร้อมกับบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่าที่ทั้งสนุกสนานและสร้างแรงบันดาลใจ พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าตัวละครตัวนี้และประสบการณ์ของเธอสะท้อนถึงหัวใจของผู้ชมอย่างลึกซึ้ง

เกิดอะไรขึ้นหลังจากประโยคที่ว่า “…และพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”? สองปีหลังจากที่เบ็ตตี้ออกจาก Ecomoda เธอยังคงแต่งงานกับอาร์มันโด แต่ก็จวนเจียนจะหย่าร้าง เบ็ตตี้พยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกสาววัยรุ่นของเธอ และได้แต่สงสัยว่าเธอมีความสุขกับเส้นทางที่เธอเลือกหรือไม่ โรเบอร์โต พ่อของอาร์มันโดและเป็นผู้ก่อตั้ง Ecomoda ได้เสียชีวิตลง และความปรารถนาก่อนตายของเขาคือให้เบ็ตตี้กลับมาที่บริษัท เบ็ตตี้จะต้องสานความสัมพันธ์กับลูกสาว เข้ารับตำแหน่งประธานของ Ecomoda และตัดสินใจว่าจะคืนดีกับอาร์มันโดหรือไม่ ขณะที่เขาเองก็มุ่งมั่นที่จะทำให้เธอกลับมารักให้ได้ เบ็ตตี้จะได้กลับมารวมกลุ่มกับแก๊งขาเม้า Cuartel de las Feas อย่าง ฮิวโก้ ลอมบาร์ดี ผู้จองหอง และปาตริเซีย นักขุดทองเจ้าเสน่ห์ ซึ่งแต่ละคนต่างก็เผชิญการเปลี่ยนแปลงและต่อสู้ดิ้นรนมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

10) Like a Dragon: Yakuza

ซีรีส์แอ็กชั่นญี่ปุ่นที่จะพาดำดิ่งสู่โลกใต้ดินอันมืดมิดของเหล่ายากูซ่า พบกับเรื่องราวของ “ครอบครัว” ที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นผ่านสายเลือด แต่ยังรวมถึงสายสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ายากูซ่ากับลูกน้อง เด็กกำพร้ากับผู้ดูแล และอาจารย์กับศิษย์ สายสัมพันธ์ที่พัวพันซับซ้อน เต็มไปด้วยความรักอันลึกซึ้งและความบาดหมาง โดยมีฉากหลังเป็นเมืองสมมติชื่อ Kamurocho และดำเนินเรื่องผ่านสองช่วงเวลาที่ตัดกันคือปี 1995 และ 2005

ในปี 1995 คิริวและเพื่อนๆ ของเขา นิชิกิ ยูมิ และมิโฮ ต้องการหนีจากชีวิตที่เต็มไปด้วยขีดจำกัด จึงวางแผนปล้นร้านเกมในศูนย์เกมท้องถิ่นซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลโดจิมะ แก๊งยากูซ่าที่มีอำนาจปกครอง Kamurocho พวกเขาจึงถูกลากเข้าสู่โลกใต้ดินของยากูซ่าแห่ง Kamurocho ในปี 1995 ในขณะเดียวกัน ในปี 2005 คิริวกำลังจะได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก เขาได้รับทราบจากนักสืบดาเตะว่าเพื่อนของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย จึงตัดสินใจกลับไปที่คาบูโรโชเพื่อปกป้องพวกเขา แต่แล้วมิตรภาพของพวกเขาก็เริ่มสั่นคลอน เมื่อความตึงเครียดระหว่างตระกูลโทโจและพันธมิตรโอมีกำลังถึงจุดเดือด นี่คือเรื่องราวอันน่าติดตามของพันธะแห่งครอบครัว ท่ามกลางฉากแอ็กชั่นเข้มข้นดุเดือด ถ่ายทอดโดยนักแสดงระดับแนวหน้า

*เกี่ยวกับ Citadel

Citadel ซีซั่นแรก นำแสดงโดย ริชาร์ด แมดเดน (Richard Madden) และ ปริยังกา โจปรา โจนาส (Priyanka Chopra Jonas) ร่วมกับสแตนลีย์ ทุชชี (Stanley Tucci) และ เลสลีย์ แมนวิล (Lesley Manville) ประสบความสำเร็จระดับโลกในการเปิดตัวในปี 2566 โดยเป็นซีรีส์ออริจินัลเปิดตัวใหม่ที่มีผู้ชมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ Prime Video สำหรับผู้ชมนอกประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นอันดับ 4 ของผู้ชมทั่วโลก ทั้งนี้ Citadel และซีรีส์ออริจินัลเรื่องอื่นๆ ในจักรวาลเดียวกันนี้อำนวยการสร้างโดยบริษัท AGBO ของพี่น้องรุสโซ (Russo Brothers) บอกเล่าเรื่องราวทั่วโลกของหน่วยงานสายลับ Citadel และกลุ่มศัตรูที่มีอำนาจล้นมือ Manticore โดยซีรีส์แต่ละเรื่องในจักรวาลนักสืบ Citadel นำแสดงโดยนักแสดงระดับแนวหน้าในแต่ละประเทศ พัฒนา ผลิต และถ่ายทำในภูมิภาคนั้นๆ เพื่อนำเสนอผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศต้นทาง โดยซีรีส์ออริจินัลของอิตาลี Citadel: Diana นับว่าเป็นการเปิดตัวซีรีส์เรื่องที่สองจากโลกของ Citadel ในเดือนตุลาคม 2567 ตามมาด้วยซีรีส์ของอินเดีย Citadel: Honey Bunny ในเดือนพฤศจิกายน 2567

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า