Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เรื่องราวความขัดแย้งในราชวงศ์วินด์เซอร์ ของเจ้าชายวิลเลี่ยม กับ เจ้าชายแฮร์รี่ ที่เป็นประเด็นร้อนของราชสำนักอังกฤษ ณ เวลานี้ มีเรื่องราวอย่างไร

สองพี่น้องที่เคยสนิทสนมกันขนาดนั้น ทำไมมาในเวลานี้พวกเขาถึงเลือกจะเดินคนละทาง

Workpoint News สรุปสาระสำคัญของเรื่องนี้ให้เข้าใจภายใน 25 ข้อ

1) ในสหราชอาณาจักร ณ เวลานี้ มีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 เป็นประมุขของประเทศ โดยพระองค์ ได้เข้าพิธีราชาภิเษกตั้งแต่ วันที่ 2 มิถุนายน 1953 โดยตระกูลของราชวงศ์อังกฤษ มีชื่อว่า วินด์เซอร์

2) ควีนเอลิซาเบ็ธ มีพระราชโอรส-ธิดา รวมทั้งสิ้น 4 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายชาร์ลส์ , เจ้าหญิงแอนน์ , เจ้าชายแอนดรูว์ และ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด

3) เจ้าฟ้าชายองค์โตของตระกูล “ชาร์ลส์” เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับไดอาน่า สเปนเซอร์ ในปี พ.ศ.1981 ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสองคน คือ เจ้าชายวิลเลียม และ เจ้าชายแฮร์รี่

นั่นแปลว่า เจ้าชายวิลเลียม และ แฮร์รี่ คือหลานชายของควีนเอลิซาเบ็ธ ซึ่งเจ้าชายวิลเลียมที่เป็นพี่ชายคนโต อยู่ในเส้นทางการเป็นประมุขคนต่อไปในอนาคตด้วย

4) 28 สิงหาคม 1996 เจ้าหญิงไดอาน่า หย่าร้างกับเจ้าชายชาร์ลส์ ก่อนจะดูใจกับศัลยแพทย์ ชื่อฮัสนัท คาห์น ก่อนจะเลิกรากันไป และคบกับ โดดี้ ฟาเย็ด ลูกชายของโมฮาเหม็ด อัล-ฟาเย็ด มหาเศรษฐีชาวอียิปต์

เจ้าหญิงไดอาน่า ถือเป็น A-List ของสื่อมวลชน ข่าวของเธอได้รับความสนใจอย่างมหาศาลเสมอ นั่นทำให้มีสื่อมวลชนจำนวนมาก ตามติดชีวิตเธออย่างหนัก และรวมไปถึงกลุ่มปาปารัซซี่ ที่ตามติดถ่ายรูปเธอในทุกอริยาบถอีกด้วย

5) 31 สิงหาคม 1997 ในขณะที่เจ้าหญิงไดอาน่าอยู่ที่ปารีส กับ โดดี้ ฟาเย็ด ทั้งคู่ออกจากโฮเทลริตซ์ ทางประตูหลังเพื่อหนีปาปารัซซี่ ขึ้นรถยนต์เมอร์ซีเดสเบนซ์ สีดำหลังโรงแรม และคนขับรีบเหยียบทันที ด้วยความเร็ว 105 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่ามีความเร็วพอสมควร เมื่อขับในเมือง แต่ก็จำเป็นต้องขับเร็ว เพื่อหนีปาปารัซซี่ที่กำลังไล่ตามมา

ในจังหวะที่ขับลงไปในอุโมงค์พอนท์ เดอ ลาม่า รถยนต์ประสบอุบัติเหตุเสียหลักชนกับกำแพงอย่างจัง โดดี้ ฟาเย็ด เสียชีวิตทันทีที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหญิงไดอาน่า บาดเจ็บหนักแต่ยังไม่เสียชีวิต โดยรายงานจากนิตยสาร Time เปิดเผยว่า มีปาปารัซซี่จำนวนมาก ขับมอเตอร์ไซค์มาถึงจุดเกิดเหตุ และรีบรุมถ่ายซากรถรัวๆ โดยมีเจ้าหญิงไดอาน่าติดอยู่ด้านใน พร้อมกับตะโกนว่า “พระเจ้า ปล่อยฉันไปเถอะ”

จากนั้น แพทย์ได้นำตัวเจ้าหญิงไดอาน่า ส่งโรงพยาบาล ในเวลา ตี 2 :06 แต่หลังจากยื้อชีวิตกันอยู่สักพัน เจ้าหญิงไดอาน่าก็เสียชีวิตในเวลา 4:00 ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกเป็นอย่างมาก และเริ่มมีคนตั้งคำถามถึงการรุกล้ำสิทธิความเป็นส่วนตัวของเหล่าปาปารัซซี่ และสื่อมวลชน

6) ในพิธีศพของเจ้าหญิงไดอาน่า มีภาพที่น่าสะเทือนใจ เนื่องจากเจ้าชายทั้งสองพระองค์ วิลเลียม และแฮร์รี่ อยู่ในวัยเยาว์อย่างยิ่ง วิลเลียมอายุ 15 ส่วนแฮร์รี่อายุ 13 ปี ทั้งคู่กำลังเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่น แต่ต้องขาดแม่ ไปอย่างน่าเศร้า

7) ในเวลาต่อมา เจ้าชายทั้ง 2 องค์ได้เติบใหญ่ขึ้น และมีครอบครัวของตัวเอง เจ้าชายวิลเลียม แต่งงานกับเคท มิดเดิลตัน และมีโอรส-ธิดา ด้วยกัน 3 พระองค์

เจ้าชายวิลเลี่ยม คือดยุค ออฟ เคมบริดจ์ ทำให้เคท มิดเดิลตันได้รับยศเป็น ดัชเชส ออฟ เคมบริดจ์ด้วย

8) ขณะที่เจ้าชายแฮร์รี่ แต่งงานกับนักแสดงสาวชาวอเมริกัน เมแกน มาร์เคิล ซึ่งทำให้มาร์เคิลกลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกในรอบ 80 ปี ที่แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์อังกฤษด้วย

เจ้าชายแฮร์รี่ คือดยุค ออฟ ซัสเซ็กส์ ส่งผลให้เมแกน ได้รับยศเป็น ดัชเชส ออฟ ซัสเซ็กซ์ตามมา

9) เมแกน มาร์เคิล เป็นสะใภ้ราชวงศ์วินด์เซอร์ที่ผิดขนบธรรมเนียมหลายอย่าง เธอมีแม่เป็นแอฟริกัน-อเมริกัน และมีคุณพ่อเป็นดัตช์-ไอริช นั่นทำให้เธอเป็นสะใภ้ในราชวงศ์คนแรกที่ไม่ใช่ผิวขาว นอกจากนั้น ยังมีอายุมากกว่าเจ้าชายแฮร์รี่ถึง 3 ปี รวมไปถึงประเด็นที่สมัยเธอเป็นนักแสดงก็เล่นฉากจูบดุเดือดอันเร่าร้อน และถอดเสื้อผ้าในซีรีส์จนเหลือแค่บรามาแล้ว ด้วยประวัติที่ไม่ใช่คนเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ของเธอ ส่งผลให้สื่อมวลชนในอังกฤษ จับตามองมาร์เคิลเป็นพิเศษ

10) เจ้าชายแฮร์รี่ เสกสมรสกับเมแกน มาร์เคิล ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2018 จากนั้นทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน ชื่ออาร์ชี่ ที่ลืมตาดูโลก ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2019

11) สำหรับสื่อมวลชนอังกฤษหลายสำนัก มีการเสนอข่าวเรื่องเมแกน มาร์เคิลอย่างหนักหน่วง ตั้งแต่ก่อนเข้าพิธีเสกสมรส ไปจนถึงแต่งงานและคลอดบุตรแล้ว

12) ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้สื่อเริ่มวิจารณ์เธอ เกิดจากตอนที่อาร์ชี่คลอดออกมา เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล เลือกรูปพระโอรสที่เห็นเพียงแค่ “เท้า” เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ซึ่งประชาชน ก็ไม่ค่อยพอใจนัก เพราะคาดหวังจะได้เห็นใบหน้าของพระโอรสจริงๆมากกว่า ไม่ใช่เห็นแค่เท้าแบบนี้

13) นอกจากนั้น ในพิธีล้างบาปในศาสนาคริสต์ของพระโอรส ตามธรรมเนียมแล้ว ประชาชนจะมีสิทธิได้เป็นสักขีพยานด้วย แต่กรณีของอาร์ชี่ ถูกทำพิธีเป็นการส่วนตัว ไม่อนุญาตให้ประชาชนและผู้สื่อข่าวได้รับรู้ด้วย ซึ่งขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติของราชสำนัก

14) จากนั้น ตัวเมแกน ก็ถูกสื่ออังกฤษโจมตีเรื่อยๆ มิถุนายน 2019 สื่ออังกฤษวิจารณ์เจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน ที่ใช้เงินภาษีจากประชาชนถึง 2.4 ล้านปอนด์ (94 ล้านบาท) เพื่อทำการบูรณะพระตำหนักของตนเอง ในชื่อฟร็อกมอร์ คอตเทจ

ต่อจากนั้น มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาว่า เมแกน สั่งปลดพี่เลี้ยงของพระโอรสถึง 3 คนในช่วงเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้น จนทำให้เมแกน ได้รับฉายาจากคนที่ร่วมงานด้วยว่า Duchess Difficult (ดัชเชสเรื่องเยอะ)

มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ใกล้ชิด ที่ถวายงานให้เมแกน ไม่สามารถทนได้ และลาออกไปถึง 3 คน ขณะที่พี่เลี้ยงของพระโอรส ก็ถูกไล่ออกไปถึง 3 คนเช่นกัน ในระยะเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้น

15) มิถุนายน 2019 สื่ออังกฤษโจมตีเจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน ที่ใช้เงินภาษีจากประชาชนถึง 2.4 ล้านปอนด์ (94 ล้านบาท) เพื่อทำการบูรณะพระตำหนักของตนเอง ในชื่อฟร็อกมอร์ คอตเทจ

16) การโดนวิจารณ์มาต่อเนื่อง ทั้งแฮร์รี่ และเมแกน ยังไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่จุดพีกที่สุดที่ทำให้เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกนทนไม่ได้ คือการที่หนังสือพิมพ์เมล์ ออน ซันเดย์ เอาจดหมายส่วนตัวที่เธอส่งให้คุณพ่อ เอามาเผยแพร่ในสื่อ โดยในเนื้อหาของจดหมาย เป็นการต่อว่า และตำหนิคุณพ่อของเธอเอง ที่ชอบวิจารณ์ความสัมพันธ์ของเธอกับแฮร์รี่ ตั้งแต่ยังเป็นแฟนกัน

ในประเทศอังกฤษ ยังคงยึดถือระบบครอบครัวอย่างเหนียวแน่น ซึ่งทันทีที่ประชาชนรู้ข่าวว่า ความสัมพันธ์ของเมแกน กับคุณพ่อแท้ๆ บาดหมางถึงขั้นไม่ลงรอย ก็เกิดเป็นปฏิกริยาต่อต้านที่รุนแรงยิ่งขึ้น

17) นั่นทำให้ 3 ตุลาคม 2019 เจ้าชายแฮร์รี่ จึงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะออกแถลงการณ์ตำหนิ เมล ออน ซันเดย์ ที่เอาชีวิตส่วนตัวของเมแกน มาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน

“ข้าพเจ้าได้สูญเสียมารดา และขณะนี้ กำลังต้องดูภรรยาของตัวเอง กำลังตกเป็นเหยื่อของอิทธิพลจากสื่อ ในลักษณะเดียวกัน”

“ภรรยาของข้าพเจ้าคือเหยื่อรายล่าสุดของแทบลอยด์ในอังกฤษ พวกเขาเสนอข่าวอย่างเหี้ยมโหด และจงใจทำให้คนเชื่อไปในทิศทางหนึ่ง พวกเขาเสนอข่าวแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่เมแกนตั้งครรภ์ จนถึงวันที่คลอดออกมา”

“การอยู่เฉยๆและไม่ยอมทำอะไรเลย มันขัดแย้งกับทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าเชื่อ”

18) ขณะที่เมแกน มาร์เคิล ก็เดินเรื่องเพื่อทำการฟ้องร้องหนังสือพิมพ์เมล ออน ซันเดย์ ที่เผยแพร่เรื่องส่วนตัวของเธอต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ซึ่งทางเมล ออน ซันเดย์ ก็ไม่ได้เกรงกลัวการโดนฟ้องแต่อย่างใด โดยยืนยันว่า จดหมายทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีการตัดต่อแต่งเติม ดังนั้นด้วยเสรีภาพของการเป็นสื่อ ก็ย่อมสามารถนำเสนอได้อย่างแน่นอน

19) บีบีซี รายงานว่า จุดยืนของเจ้าชายแฮร์รี่ และ เจ้าชายวิลเลี่ยม ที่มีต่อสื่อมวลชนอังกฤษนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เจ้าชายแฮร์รี่ จะต่อต้านสื่อมวลชนในประเทศ และกล่าวโทษว่าการตามติดของสื่อ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาต้องเสียแม่ไปก่อนเวลาอันควร

ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม จะยอมรับสื่อมวลชนเป็นอย่างดี เพราะรู้ว่าการอยู่ข้างเดียวกับสื่อ ก็จะสามารถช่วยเผยแพร่สารที่ต้องการจะพูดกับสังคมได้อย่างชัดเจน และไม่เห็นประโยชน์ของการที่เจ้าชายแฮร์รี่ ออกมาเปิดหน้าแลกกับสื่อมวลชนแบบนั้น

20) การที่เจ้าชายวิลเลี่ยมไม่ได้เกลียดสื่อมวลชนตามเจ้าชายแฮร์รี่ รวมถึงไม่แสดงอาการปกป้องในฐานะพี่ชาย ทั้งๆที่น้องชายโดนแทบลอยด์เล่นงาน ทำให้ทั้งสองคนสร้างช่องว่างในใจขึ้นมา และ ในวันที่ 21 ตุลาคม 2019 สถานีโทรทัศน์ช่อง ITV เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของเจ้าชายแฮร์รี่ โดยระบุว่า “เราสองพี่น้อง มีทั้งวันที่ดี และวันที่แย่”

“เรายังเป็นพี่น้องกันเสมอ แต่ขณะนี้เรามีเส้นทางเดินที่แตกต่างกัน”

21) การให้สัมภาษณ์แม้เพียงแค่นี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจได้ว่า ทั้งเจ้าชายแฮร์รี่ และเจ้าชายวิลเลียม ไม่ได้มีความสนิทกันเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้แหล่งข่าววงในของราชวงศ์ได้เปิดเผยว่า “ผมได้รับการบอกเล่าว่าควีน พระราชวงศ์ระดับอาวุโส และข้าราชการในพระราชสำนักวิตกอย่างยิ่ง กับท่าทีของเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกนในเรื่องนี้ นี่เป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก

ตามปกติ ภาพลักษณ์ของเจ้าชายวิลเลี่ยม กับ เจ้าชายแฮร์รี่คือพี่น้องที่รักใคร่กันดีเสมอ และทั้งคู่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กันและกันในวันแต่งงานด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่า เกิดความขัดแย้งขึ้น จึงส่งผลให้เสถียรภาพภายในราชวงศ์วินด์เซอร์ถูกตั้งคำถาม

22) ขณะที่บีบีซี ได้เปิดเผยว่า เจ้าชายวิลเลี่ยม “ทรงกริ้ว” เจ้าชายแฮร์รี่เป็นอย่างมาก ที่เอาเรื่องภายในครอบครัวไปเปิดเผยกับคนทั่วทั้งโลกแบบนั้น

23) ก่อนหน้านี้ เจ้าชายวิลเลี่ยม และ เจ้าชายแฮร์รี่ มีมูลธินิการกุศลร่วมกัน ในชื่อ “Royal Foundation of Duke and Duchess of Cambridge & Sussex” แต่เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ก็ตัดสินใจเอาตัวออกมาจากมูลนิธิดังกล่าว แล้วมาเปิดมูลนิธิการกุศลของตัวเอง ต่างคนต่างมีแนวทางในการทำประโยชน์เพื่อสังคมที่แตกต่างกัน

24) จอนนี่ ไดมอนด์ ผู้สื่อข่าวราชสำนักของบีบีซีกล่าวสรุปว่า “แนวโน้มของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็น่าจะเลวร้ายลงไปอีก”

“นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองพระองค์มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งจะนำไปสู่เรื่องกระทบกระทั่งกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

“สงครามทำนองนี้ไม่เคยส่งผลดีต่อใคร ทว่าการตอบโต้แต่ละครั้ง ยิ่งทำให้ต่างฝ่ายตกต่ำลง ยิ่งไปกว่านั้นจะพลอยฉุดให้สถาบันกษัตริย์ตกต่ำลงไปด้วย”

25) สำหรับลำดับการสืบราชสันตติวงศ์ ของราชวงศ์อังกฤษ ต่อจากควีนเอลิซาเบ็ธ จะเรียงลำดังนี้

1- เจ้าชายชาร์ลส์ (ปัจจุบัน อายุ 70 ปี)
2- เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน อายุ 37 ปี)
3- เจ้าชายจอร์จ แห่งเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน อายุ 6 ปี)
4- เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ แห่งเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน อายุ 4 ปี)
5- เจ้าชายหลุยส์ แห่งเคมบริดจ์ (ปัจจุบันอายุ 18 เดือน)
6- เจ้าชายแฮร์รี่ ดยุคแห่งซัสเซ็กซ์ (ปัจจุบันอายุ 35 ปี)

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า