Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ในยุคที่เราจำเป็นต้องทำงานจากบ้าน ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ระบาด ที่ส่งผลให้หลายคนต้องเผชิญกับความเครียด ความกังวล จนอาจส่งผลกับประสิทธิภาพของงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

คิท ครุกแมน ผู้อำนวยการฝ่ายการออกแบบองค์กรและวัฒนธรรมองค์กรจาก Co:Collective องค์กรด้านการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ ได้แสดงความเห็นที่น่าสนใจ ว่า การทำงานอย่างเป็นมืออาชีพในยุคนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด แต่คือประสบการณ์ทางอารมณ์ของความเป็นมนุษย์ในสถานที่ทำงาน ที่จะทำให้ทุกคนในองค์กรรอดพ้นจากวิกฤตนี้ไปพร้อมกัน

 

 

 

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ความจริงบางอย่างของเราได้เผยโฉมออกมาให้เห็น ทั้งความวิตกกังวล ความกลัว ความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้พื้นผิวของอารมณ์ของเราแต่ละคน ได้ถูกนำออกมาตีความให้เห็นอย่างชัดเจน

 

ตอนนี้ องค์กรต่างๆ กำลังเผชิญกับแรงโน้มถ่วงของความวิตกกังวลร่วมกัน นายจ้างส่วนใหญ่เห็นว่าพนักงานมีความไม่สบายใจและวิตกกังวล ซึ่งนี่ถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาในช่วงวิกฤตโควิด-19

 

อย่างน้อยที่สุด ในสถานที่ทำงานเราควรอนุญาตให้ตนเองได้รับความพึงพอใจ แม้มันจะเล็กน้อยก็ตาม นั่นเพราะการจัดการประสบการณ์ของความเป็นมนุษย์ในสถานที่ทำงานยังคงเป็นเพียงแนวคิดที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่

 

จนเมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดคำแนะนำในการจัดการอารมณ์ในสถานที่ทำงานที่ว่า “อย่าสนใจมัน” เรายอมรับคำว่า “ความเป็นมืออาชีพ”  ว่าเป็นคำย่อของคุณสมบัติในแง่บวก เช่น ความรับผิดชอบ ความยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และความไว้ใจได้ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะเครื่องมือของความสอดคล้องกัน เช่นการแต่งกายอย่างเหมาะสม หรือในฐานะกลไกในการกลั่นกรองสถานะทางสังคม เช่น ความเหมาะสมในด้านการวางตัวและเข้ากับวัฒนธรรมองค์กร แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราก็ยินยอมให้ความเป็นมืออาชีพอยู่เหนือกว่าประสบการณ์ทางอารมณ์ของความเป็นมนุษย์ในสถานที่ทำงาน

 

แต่กลับกลายเป็นว่า การเสแสร้งว่าเราไม่ใช่มนุษย์ปุถุชนธรรมดา อาจไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาที่เราจะเป็นต้องเผชิญหน้ากับทุกๆ ความเปราะบางของมนุษย์ และเราจะต้องใช้เวลาอย่างเหมาะสมในการทำความรู้จักกับความกลัวและความรู้สึกต่างๆ หรือการต้องใช้เวลาไปอย่างสิ้นเปลืองกับการจัดการพฤติกรรมที่ไร้ประโยชน์และไร้ประสิทธิผล

 

ภาพลวงตาใดๆ ก็ตาม ที่เราเคยใช้ในการบอกเล่าถึงความสมดุลของการใช้ชีวิต ด้วยการบอกกับทั้งงงานและครอบครัวของเราว่า มันคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด และแสดงเหมือนว่าทั้งสองอย่างคือพลังในชีวิตของเรา ได้จบลงแล้วในทันทีทันใด สิ่งต่างๆ ที่เราเคยได้รับจากชีวิตของเรา หรือจากงานของเราและอื่นๆ ได้เผยให้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่

 

แสงแห่งความหวังที่เราต่างยึดมั่นในเวลาของความพยายาม คือการเสแสร้งว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี วิกฤตที่เกิดทั่วโลกครั้งนี้ได้ปลดปล่อยเราจากสิ่งที่ตกค้างหลังยุคอุตสาหกรรม ที่มองว่ามนุษย์คือทรัพยากร คือชิ้นส่วนหนึ่งของเครื่องจักรองค์กร ที่ไม่มีครอบครัวหรือความรู้สึก

 

อัตราการเผาผลาญทางอารมณ์

คุกแมนกล่าวว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามจัดการกับการตอบสนองทางความรู้สึกที่มีต่อการระบาด ในขณะที่พยายามหารูปแบบความเป็นผู้นำที่เธอเชื่อว่ามีความสำคัญในช่วงเวลาเช่นนี้ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ ความเด็ดเดี่ยว และพบว่าความซับซ้อนของมันยากกว่าที่คิด ในช่วงเวลาที่เรารู้ว่าเราต้องก้าวไปข้างหน้า เธอกลับไปต่อไม่ได้ ในเวลาที่เธอควรหยุด แต่เธอกลับรู้สึกถึงความเร่งด่วนของการสร้างประสิทธิผลและการมีส่วนร่วม และความเงียบอาจหมายถึงการที่เธอต้องหายตัวไป เธอพยายามจัดการความตึงเครียดแบบนี้ทุกวัน และทั้งหมดเกิดขึ้นในขณะที่เธอพยายามตรวจสอบคำแนะนำและการสนับสนุนที่มอบให้แก่ผู้อื่น

 

แม้จะเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนมีร่วมกัน แต่ละคนก็มีกระบวนการเผาผลาญทางอารมณ์ที่ต่างกัน เช่น ความสามารถในการประมวลความรู้สึก  การทำความเข้าใจต่อการตอบสนองทางอารมณ์ และการก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่ละองค์กรก็มีกระบวนการเผาผลาญทางอารมณ์ที่ต่างกันไปเช่นกัน

 

ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ และเวลาที่ดูเหมือนจะช้าลง ที่ทำให้หนึ่งวันอาจยาวนานเหมื่อนหนึ่งสัปดาห์ และเดือนอาจยาวนานเหมือนหนึ่งปี องค์กรต่างๆ กำลังพยายามรักษาการก้าวเดินและการเอาตัวรอด ในขณะที่ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดที่พวกเขาต้องพึ่งพา ซึ่งก็คือมนุษย์ ขณะที่ความกว้างของแถบคลื่นทางอารมณ์ กำลังลดลงเรื่อยๆ เราคาดหวังว่ามนุษย์จะสามารถมีการเผาผลาญทางอารมณ์ที่รวดเร็วกว่าก่อนหน้านี้ และในระดับที่เท่าเทียมกัน แต่ดูเหมือนทั้งสองอย่างจะเป็นไปไม่ได้

 

คำแนะนำที่เธอได้รับเกี่ยวกับความเป็นผู้นำในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ดูเหมือนจะไม่ตรงกับปัญหาและความยุ่งยากที่เกิดขึ้น เราจึงจำเป็นต้องเป็นผู้ฟังที่ดีขึ้น เรากำลังลุ่มหลงกับการลงมือทำในสังคมที่ลุ่มหลงกับการให้คุณค่ากับผลิตภาพ

 

นิยามใหม่ของความเป็นมืออาชีพ

 

ความสังหรณ์ใจที่ฉันรู้สึกได้ในช่วงเวลาเช่นนี้ ก็คือวิธีที่บริษัทต่างๆ ปฏิบัติต่อลูกจ้างในช่วงเวลาของโรคระบาด จะกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวพวกเขาไปอีกหลายเดือนและหลายปี

 

ในช่วงเวลาเช่นนี้ การครุ่นคิดและไตร่ตรองเกี่ยวกับวัฒนธรรมของบริษัท มักเป็นสิ่งที่ไม่มีความสำคัญนัก แต่ความจริงก็คือมันมีความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น การก้าวไปข้างหน้าในช่วงเวลานี้ จำเป็นต้องอาศัยหลักการและการลำดับความสำคัญ มันทำให้เราต้องกลับไปพิจารณาถึงแก่นแท้ขององค์กร และถามตัวเองด้วยคำถามที่ว่า ความเชื่อของเราควรถูกตีความไปเป็นพฤติกรรมของเราได้อย่างไร

 

แล้วอะไรคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “โปร่งใส” ในช่วงเวลาเช่นนี้? อะไรคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ความร่วมมือ” ในช่วงเวลาเช่นนี้? การตัดสินใจในขณะนี้ จะถูกบันทึกลงในจิตวิญญาณขององค์กรของเรา ในเดือนและปีที่กำลังจะมาถึง

 

ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างเพื่อนร่วมงาน และกลุ่มคน จะนำไปสู่ความคล่องตัวขององค์กร ความแข็งแกร่งของผู้นำ และความมีมนุษยธรรมของพวกเขา จะสร้างวัฒนธรรมองค์กร และวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะทำให้เราสามารถฟื้นตัวได้ เรารู้ว่าสิ่งเหล่านี้จะดีขึ้นได้เมื่อเรานำสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์เข้ามาในที่ทำงานแทนที่จะทิ้งไว้ที่บ้าน

 

ในขณะที่เราสร้างคำนิยามใหม่ของคำว่า “ความเป็นมืออาชีพ” เราก็จะก้าวนำในยุคของความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ยุคที่ผู้คนฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และยุคที่งานมีความหมายมากกว่าที่เคย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า