Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อ “ความไม่รู้คืออาวุธ” อีกมิติของหนัง ‘TENET’ หนังสายลับไซไฟ ผลงานล่าสุดของคริสโตเฟอร์ โนแลน กับปฏิบัติการกอบกู้โลกขององค์กร TENET ที่ดำเนินเรื่องผ่านทฤษฎีฟิสิกส์อย่าง ‘การถอยกลับของเวลา’ (time inversion) และอัลกอริทึ่ม (Algorithm) ที่จะทำให้ผู้ชมเดินออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยความไม่รู้และความสงสัย ว่า ตลอด 150 นาทีที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น

คงมีไม่กี่ครั้ง และหนังไม่กี่เรื่องที่จะทำให้คนดูอย่างเราๆ ได้แต่มึนงงว่า ไอ่หนังที่เพิ่งดูจบไปนี่มันเกี่ยวกับอะไรกันแน่ ตอนจบนี่มันยังไงกันนะ พอได้ทีจะลองหันถามเพื่อนที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ผลลัพท์คือ เพื่อนดันหันหน้ากลับมามองเราด้วยสายตาว่างเปล่า… และเหตุการณ์ที่พูดถึงคงเกิดกับใครหลายๆ คนหลังดูหนังเรื่อง TENET จบ ต้องยอมรับเลยว่าผู้กำกับชื่อ คริสโตเฟอร์ โนแลน ถนัดด้านทำให้คนดูอึ้งจริงๆ

สำหรับใครที่ดูจบแล้วยังสงสัย ขอให้มั่นใจได้เลยว่ามีคนมากมายในโลกนี้ร่วมงงไปกับคุณ และถ้าอยากจะอินกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น เราลองมาทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง ปมปัญหา และข้อมูลบางส่วนในหนังกันดูอีกสักครั้ง

ตัวเรื่องคร่าวๆ เล่าถึงเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่พยายามจะกินยาฆ่าตัวตายหลังปฏิบัติงานผิดพลาดและถูกฝั่งตรงข้ามจับได้ ผลปรากฎว่าเขาไม่ตาย แถมยังได้รับคัดเลือกให้ทำงานกู้โลกกับองค์กรลับที่เคลื่อนไหวภายใต้คำว่า “เทเน็ท” (TENET) พระเอกของเราจึงได้รับภารกิจใหม่ให้ขัดขวางเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่หายนะของโลก โดยใช้ ‘การถอยกลับของเวลา’ (time inversion) เป็นตัวช่วยทำภารกิจ

หลังจากนี้จะเป็นอภิมหาการสปอยล์ ใครยังไม่ได้ดูแล้วอ่านมาถึงตรงนี้แนะนำว่าลองไปดูกันก่อน เพราะสุดท้ายแล้วการไม่ ‘เข้าใจ’ อะไรเลยก่อนเข้าไปดูอาจจะทำให้เรา ‘รู้สึก’ สนุกไปหนังมากกว่าก็ได้

สปอยล์จะเริ่มใน 3 2 1…

อะไรคือ ‘การถอยกลับของเวลา’ (time inversion)

แค่ได้ยินชื่อก็งงแล้ว ในเรื่องอธิบายว่า ‘การถอยกลับ’ (inversion) ทั้งในวัตถุไปจนถึงตัวคน คือการที่เราเห็นและเปลี่ยนแปลง ‘เอนโทรพี’ (entropy) ของสิ่งนั้นๆ จากที่ปกติแล้วทำไม่ได้ แล้วเอนโทรพีคืออะไร? ตรงนี้เป็นอะไรที่ซับซ้อนทีเดียว เอนโทรพีคือความรู้ในฟิสิกส์ที่ใช้อธิบายกระบวนการในธรรมชาติที่เกิดขึ้น และการย้อนกลับกระบวนการไม่สามารถพาเราไปหาจุดเริ่มต้นของสิ่งนั้นได้ ซึ่งฟังแล้วก็ไม่เข้าใจดูดี

ตัวอย่างหนึ่งที่อาจจะทำให้เห็นภาพชัดขึ้นก็คือ ถ้าเราทดลองเอาเกลือและทรายมาเทลงให้ถ้วยเดียวกัน โดยในถ้วยจะแบ่งเป็นสองฝั่ง คือฝั่งเกลือและทราย (ไม่ได้เทปนกันหมด) หลังจากนั้นเอาช้อนปักลงไปในถ้วยแล้วคนวน ‘ตามเข็มนาฬิกา’ สุดท้ายทำไปเรื่อยๆ เกลือและทรายในถ้วยก็จะผสมปนกันไปหมด แล้วมันเกี่ยวกันเอนโทรพีตรงไหน เอนโทรพีคือหลักที่กำกับไว้ว่า การคนช้อน ‘ทวนเข็มนาฬิกา’ หลังจากที่ทุกอย่างผสมกันหมดแล้ว ไม่ได้ทำให้เกลือและทรายกลับมาแบ่งฝั่งเหมือนก่อนจะคนตามเข็มนาฬิกา

แต่ในหนังเรื่อง TENET มีนักวิทยาศาสตร์ในอนาคตที่สามารถเปลี่ยนแปลงเอนโทรพีของวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตได้ (คนช้อนทวนเข็มนาฬิกาแล้วเกลือและทรายกลับมาแบ่งฝั่งเหมือนเดิม) มันจึงเป็นเหมือนการถอยเวลาของสิ่งต่างๆ กลับไปหาจุดๆ หนึ่งได้ กระบวนการที่เห็นก็มีทั้งกระสุนที่ยิงไปแล้วกลับเข้ามาในแม็กกาซีนปืน หรือคนที่ถอยกลับ (invert) ไปในเวลาต้องใช้หน้ากากอ็อกซิเจน เพราะมันจะกลายเป็นว่าในโลกที่ถอยกลับเราหายใจเอาอาร์บอนไดอ็อกไซด์ (ที่เคยหายใจออกไป) กลับเข้าปอดแทน

คลิปอธิบายทฤษฎี ‘เอนโทรพี’ (entropy)

โลกจะถูกทำลายได้ยังไง และ อัลกอริทึ่ม (Algorithm) คืออะไร

อย่าที่บอกไปว่าในอนาคตไกลออกไปจากช่วงเวลาของหนังมีนักวิทยาศาสตร์หญิงที่คิดค้น ‘การถอยกลับ’ (inversion) ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่การถอยกลับของวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่เธอยังประดิษฐ์ ‘อัลกอริทึ่ม’ (Algorithm) เครื่องมือที่สามารถถอยกลับโลกใบได้ด้วย แต่เมื่อทำสำเร็จเธอคนนี้ก็ฉุกคิดได้ว่าอัลกอริทึ่มจะเป็นอันตรายถึงขั้นทำลายโลกได้ เธอจึงแบ่งอัลกอริทึ่มออกเป็น 9 ชิ้น และถอยเวลากลับไปในช่วงเวลาของหนังเพื่อซ่อนอัลกอริทึ่มจากคนในอนาคตที่จะเอาเครื่องมือนี้ไปใช้ในทางที่เลวร้าย

แน่นอนว่านักวิทยาศาสตร์หญิงคาดไม่ผิด ในอนาคตมีองค์กรลับที่ต้องการจะทำลายโลกด้วยการถอยโลกกลับไปจริงๆ เพราะคนในองค์กรเห็นว่าโลกอนาคตที่ตันอาศัยอยู่นั้นไม่ได้น่าอยู่เอาซะเลย ผลก็มาจากการที่บรรพบุรุษของพวกเขาดูแลโลกไม่ดีพอ ปล่อยให้เกิดภาวะโลกร้อน ดังนั้น ‘เสี่ยงโชค’ ทำลายโลกเพื่อเริ่มต้นใหม่น่าจะดีซะกว่า องค์กรลับจึงสื่อสารและส่งเครื่องมือถอยกลับไปยังอดีตให้ “เซเทอร์” (Sator) ชายที่จะเป็นคนรวบรวมอัลกอริทึ่มให้ครบ 9 ชิ้น และประกอบเข้าด้วยกันเพื่อทำลายโลก ฝั่งเทเน็ทหรือพระเอกที่เห็นว่าแผนนี้ขัดกับ ‘ปฏิทรรศน์คุณปู่’ (grandfather paradox) และจะทำให้โลกจบสิ้นจึงต้องเข้าขัดขวาง

ความหมายของปฏิทรรศน์คุณปู่ (grandfather paradox)

สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ใช้คำว่า องค์ลับที่หวังจะถอยโลกกลับ ‘เสี่ยงโชค’ ก็เพราะองค์กรนี้มองข้าม ‘ปฏิทรรศน์คุณปู่’ (grandfather paradox) ที่ “นีล” คู่ขาของพระเอกเล่าให้ฟังในเรื่อง ปฏิทรรศน์ (paradox) คือแนวคิดที่ตามตรรกะแล้วต้องถูกต้องเป็นจริงแต่กลับขัดแย้งในตัวเอง กรณีนี้คือ สมมติว่ามีคนใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปฆ่าปู่ของตัวเองเพื่อไม่ให้มีทายาท แต่ต่อมาผลลัพธ์คือคนคนนั้น (ซึ่งเป็นหลาน) ก็จะไม่เกิดมา และไม่สามารถไปฆ่าปู่ได้

องค์ลับใน TENET ไม่สนใจปฏิทรรศน์ที่ว่า และเลือกที่จะถอยโลกกลับเพื่อฆ่าล้างบรรพบุรษของตัวเอง เท่ากับว่าสุดท้าย คนในองค์ลับจะไม่ได้เกิดมาบนโลก รวมถึงยังไม่ได้อยู่ดูผลงานล้างโลกของตัวเองอีกด้วย

ทำไมต้องเป็นเซเทอร์

ไม่แน่ใจว่าเซเทอร์โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แต่เขาอยู่ถูกที่ถูกเวลา องค์กรลับที่รู้ว่าในอนาคตเซเทอร์จะเป็นใครและทำอะไรได้จึงสื่อสารกับเขาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในสหภาพโซเวียตต่างหวาดกลัวต่อกัมมันตภาพรังสีจาเหตุการณ์ระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล เซเทอร์เป็นไม่กี่คนที่กล้าอาสาไปขุดหัวรบนิวเคลียร์ และที่นั่นเองที่เขาเจอกับกล่องบรรจุไปด้วยทองคำและข้อความเขียนถึงภารกิจที่เซเทอร์จะต้องทำไปทั้งชีวิต

พระเอกชื่ออะไร

หลังดูจบหลายคนคงจำหน้าพระเอกได้ แต่นึกชื่อไม่ออก และไม่แปลกที่จะนึกไม่ออก เพราะพี่พระเอกของเราไม่มีชื่อ หรือต่อถ้าเอาจริงๆ เลยคือพระเอกของเราถูกเรียกว่า ‘ตัวเอก/ตัวละครหลัก’ (The Protagonist) ที่ตัวเขาใช้เรียกแทนตัวเองตอนพูดกับพรียา ในเว็บไซต์ฐานข้อมูลภาพยนต์ IMDb ก็ใส่ชื่อตัวละครที่ จอห์น เดวิด วอชิงตัน แสดงเอาไว้ว่า “The Protagonist” เหมือนกัน ฉะนั้นจะเรียกว่า พระเอก ตัวเอก ตัวละครหลัก แบบไหนก็ได้ทั้งนั้น

เซเทอร์จะทำลายโลกยังไง และทำไมยังฆ่าเซเทอร์ไม่ได้ก่อนถึงช่วงเวลาสุดท้าย

เซเทอร์มีแผนที่จะถอยกลับโลกด้วยการประกอบอัลกอริทึ่มทั้ง 9 ชิ้น เข้าด้วยกัน และโยนลงหลุมที่ ‘สตาลาสค์-12’ (Stalask-12) ในพื้นที่แถบโซเวียต โดยตัวอัลกอริทึ่มจะเชื่อมต่อกับชีพจรของเซเทอร์ ถ้าเขาตาย/ชีพจรหยุดก่อนที่จะแยกส่วนอัลกอริทึ่มออกจากกัน โลกก็จะถึงจุดจบ

การปล่อยให้อัลกอริทึ่มอยู่ในมือเซอเทอร์ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน เพราะเซเทอร์เองเป็นโรคมะเร็งอยู่ก่อนแล้ว สาเหตุน่าจะมาจากการที่สัมผัสกับกัมมันตภาพรังสีเป็นเวลานาน ทั้งจากในอดีตที่เคยอาสาเป็นเด็กขุดหัวรบและการใช้เครื่องถอยกลับ เซเทอร์จึงตัดสินใจที่จะจบชีวิตด้วยการกินยาฆ่าตัวตาย และพาโลกหายไปพร้อมกับชีวิตของเขา

อะไรคือปฏิบัติการคีบขนาบ (Temporal Pincer Movement) และวิธีช่วยโลก

ในการที่จะหยุดเซเทอร์ ทีมกู้โลกที่ประกอบไปด้วยตัวเอก, ‘นีล’, และกองกำลังจากพรียาภายใต้เทเน็ท ต้องบุกไปที่สตาลาสค์-12 เพื่อชิงเอาอัลกอริทึ่มก่อนที่จะถูกโยนลงหลุม และก่อนที่เซเทอร์จะกินยาฆ่าตัวตายบนเรือยอร์ชขณะไปเที่ยวประเทศเวียดนามกับครอบครัว

ปฏิบัติการคีบขนาบ (Temporal Pincer Movement) คือวิธีที่ทีมกู้โลกใช้เพื่อไม่ให้เซเทอร์รู้แผนและสกัดได้ทัน โดยวิธีคือแบ่งทีมบุกออกเป็นสองทีม ทีมแรกคือทีมสีฟ้านำโดย ‘วีลเลอร์’ ที่ถอยกลับตัวเองเข้าไปใน สตาลาสค์-12 หรือสนามรบ แล้วนำข้อมูลที่ได้จากสนามรบกลับมาให้ทีมสีแดง โดยทีมสีแดงนำโดย ‘ไอเวส’ จะเป็นทีมเคลื่อนที่ตามเวลาปกติ มีหน้าที่เข้าไปชิงเอาอัลกอริทึ่มออกมา ในขณะเดียวกันทีมสีฟ้าเองก็จะเป็นหน่วยหลอกล่อคอยยิงต่อสู้กับกองกำลังของเซเทอร์อยู่ข้างนอก

ในเรื่องเราจะเห็นปฏิบัติการคีบขนาบอยู่หลายครั้ง ทั้งตอนที่เซเทอร์ใช้เพื่อชิงเอาอัลกอริทึ่มชิ้นสุดท้ายมาจากตัวเอกและนีล โดยเซเทอร์ให้ลูกน้องของตัวเองที่เคลื่อนที่ตามเวลาปกติไปพยายามแย่งอัลกอริทึ่มก่อน ซึ่งระหว่างนั้นก็ต้องรายงานเซเทอร์ตลอด หลังจากนั้นเซเทอร์ถึงถอยกลับตัวเองไปในเหตุการณ์แย่งชิงอีกครั้งเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าอลักอริทึ่มไม่ถูกสับเปลี่ยนและมาอยู่ในมือเขาจริงๆ

อีกเหตุการณ์นึงคือ ตอนที่ตัวเอกและนีลต้องช่วย ‘แคท’ ภรรยาของเซเทอร์จากแผลถูกยิง ทั้งคู่วางแผนด้วยการยื้อเวลา ถอยกลับทั้งตัวเอก นัล และแคท แล้วไปกลับตัวในเคลื่อนที่ตามเวลาปกติเหมือนเดิมด้วยเครื่องถอยกลับที่ฟรีพอร์ต สถานที่เก็บศิลปะในออสโล ที่เหตุการณ์นี้เป็นปฏิบัติการคีบขนาบเพราะทั้งตัวเอกและนีลรู้แล้วว่าพวกเขาในอดีตจะทำอะไร เครื่องบินจะชนตึกเมื่อไหร่ เหตุการณ์จะเป็นยังไง ทั้งคู่จึงช่วยแคทได้ แถมตัวเอกของเรายังได้รู้อีกด้วยว่า ทหารชุดดำพร้อมหน้ากากที่เขาเคยบู๊ด้วยที่ฟรีพอร์ตก่อนหน้านี้ก็คือตัวเขาเองที่ถอยกลับตัวเองมาช่วยแคท และนีลเองก็รู้เรื่องนั้นมาตั้งแต่แรก

นีลคือใคร และตายรึเปล่า

นีลคือคนที่เข้าช่วยตัวเอกทำภารกิจภายใต้เทเน็ท แต่ก็ไม่ได้บอกว่าตัวเขาเองทำงานภายใต้ใคร แค่แนะนำตัวว่าเป็นนักฟิสิกส์ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ทุกอย่างมาเฉลยอีกทีในช่วงไคลแม็กซ์สุดท้ายหลังจากที่ตัวเอก, นีล, และไอเวสพาอัลกอริทึ่มรอดจากการลงหลุม แล้วแยกอัลกอริทึ่มออกเป็นสามส่วน ทั้งสามคนจะต้องเอาไปซ่อนและฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้ใครหาเจอ

ในตอนท้าย นีลโยนอัลกอริทึ่มกลับไปให้ตัวเอก ก่อนจะบอกว่าเขาต้องไปทำหน้าที่เติมเต็มส่วนที่ขาดของสมการกู้โลกครั้งนี้ และเมื่อตัวเอกเห็นนีลสะพายกระเป๋าที่ห้อยด้วยสายสีแดง ตัวเอกของเราก็รู้ในทันทีว่าชะตากรรมสุดท้ายของนีลคือการตายที่สตาลาสค์-12 เพราะในระหว่างที่ตัวเอกเข้าไปชิงอัลกอริทึ่มที่จุดศูนย์กลางของสตาลาสค์-12 เขาเห็นศพของทหารฝั่งตัวเองที่กระเป๋าห้อยด้วยสายสีแดงนอนแน่นิ่งอยู่ หลังจากนั้นทหารที่ตายไปก็ถอยกลับตัวเองมารับกระสุนที่หมายจะยิงตัวเอก และไขกุญแจให้ตัวเอกไปชิงอัลกอทึ่มออกมาได้

ตัวเอกยังรู้อีกว่าทหารปริศนาที่เคยช่วยเขาไว้ในภารกิจโรงโอเปราก็คือนีลนั่นเอง นีลในตอนท้ายยังบอกอีกว่าคนที่คัดเขาเข้ามาทำงานก็คือตัวเอกของเรานั่นแหละ เท่ากับว่าในอนาคตเลยไปจากช่วงเวลาของหนังตัวเอกจะได้ไปเจอกับนีลและทำภารกิจร่วมกัน ไปจนสนิทกันถึงขั้นที่นีลรู้ว่าตัวเอกไม่ดื่มระหว่างปฏิบัติงานและเลือกกินไดเอ็ทโค้กแทน

บทบาทของแคทคืออะไร

แคทที่เป็นภรรยาของเซเทอร์นับว่ามีความสำคัญไม่น้อยในสมการกู้โลก ตัวเอกเข้าถึงเซเทอร์ผ่านทางแคท โดยใช้ภาพปลอมโกยาของอาเรโป ที่ก่อนหน้านี้แคทเคยให้เซเทอร์ซื้อภาพปลอมของอาเรโปอีกภาพหนึ่งไปในราคาแพง แคทต้องฝืนทนอยู่กับเซเทอร์ภายใต้คำขู่ว่าจะถูกฟ้องและแยกลูกไปจากเธอ ตัวเอกจึงใช้โอกาสนี้ยื่นข้อเสนอว่าเขาจะทำลายรูปให้หากแคทพาไปเจอเซเทอร์

แคทยังเป็นคนที่ทำให้ตัวเอกระบุได้ว่าเซเทอร์จะหย่อนอัลกอริทึ่มลงหลุมและฆ่าตัวเองตายในวันที่ 14 ซึ่งเป็นวันที่เธอ เซเทอร์ และลูกไปพักผ่อนบนเรือยอร์ชที่เวียดนามด้วยกัน ในวันนั้นเซเทอร์บอกว่าจะไม่ให้เธอได้เจอลูกอีก แคททะเลาะกับเซเทอร์และหนีลงเรือขึ้นฝั่งไปกับลูก ต่อมาระหว่างเธอและลูกกลับมาที่เรือยอร์ช แคทเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดลงน้ำจากดาดฟ้าเรือ พอขึ้นเรือมาเธอก็ไม่เห็นเซเทอร์แล้ว

จุดนี้เรามารู้เอาตอนสุดท้ายว่า แคทในอนาคต (หลังจากตัวเอกและนีลรักษาแผลถูกยิงให้แล้ว) กลับมาที่เรือยอร์ชก่อนเธอในอดีตและลูกจะกลับมาหาเซเทอร์ เธอในอนาคตกลับมาหาเซเทอร์เพื่อช่วยถ่วงเวลาให้ตัวเอกและทีมช่วงปฏิบัติการคีบขนาบสตาลาสค์-12 ถึงแม้เธอจะแก้แค้นด้วยการยิงเซเทอร์ตายและลากลงเรือไปก่อนที่เธอในอดีตและลูกจะกลับมา อัลกอริทึ่มก็ไม่จุดชนวนให้โลกถอยกลับ เพราะตัวเอกได้แยกส่วนอัลกอริทึ่มเรียบร้อยแล้ว

TENET คืออะไร

สำหรับเกร็ดเล็กน้อย TENET เป็นหนึ่งใน ‘palindrome’ คำที่สามารถอ่านได้แบบเดียวกันไม่ว่าจะอ่านจากข้างหน้าหรือข้างหลัง และเป็นคำที่อยู่รวมกับอีก 5 คำ บน The Sator Square แผ่นหินคำ palindrome ในรูปแบบสองมิติที่เก่าแก่ที่สุดโลก ซึ่งทั้ง 5 คำ ปรากฏอยู่เรื่องทั้งนั้น

SATOR – ชื่อของ แอนเดรีย เซเทอร์ ตัวการที่มีแผนทำลายโลก

AREPO – ชื่อของศิลปินที่ทำภาพปลอมโกยา

TENET – ชื่อองค์กรที่ตัวเอกตั้งขึ้นเพื่อหยุดการทำลายโลก

OPERA – ภารกิจที่ตัวเอกทำหน้าที่ตอนต้นเรื่อง

ROTAS – ชื่อบริษัทเจ้าของฟรีพอร์ต สถานที่เก็บผลงานศิลปะ

แต่คำตอบที่ชัดที่สุดตามเนื้อเรื่องก็คือ เทเน็ทอเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านการจุดชนวนเพื่อถอยกลับโลกของเซเทอร์ แน่นอนว่าในตอนจบของเรื่อง เราได้รู้ว่าจริงๆ แล้วคือตัวเองของเราในอนาคตนับจากเหตุการณ์แยกส่วนอัลกอริทึ่มที่สตาลาสค์-12 ที่เป็นคนก่อตั้งเทเน็ทขึ้นมา และเป็นคนคัดเลือกนีลและพรียาเข้ามาทำงานด้วย เราจะเห็นตัวเอกในอนาคตถอยกลับตัวเองมาปิดจ๊อบสมการกู้โลกด้วยการฆ่าพรียา ก่อนที่พรียาจะฆ่าแคท เพราะแคทรู้เรื่องของเทเน็ทมากไป แต่ตัวพรียาเองก็ต้องถูกตัวเอกฆ่าตาย เพราะพรียารู้เรื่องเทเน็ทมากไป… งงกันจนถึงฉากสุดท้าย

ความไม่รู้คืออาวุธ

สโลแกนหนึ่งของเทเน็ทที่คนดูจะได้ยินบ่อยคือ “ความไม่รู้คืออาวุธของเรา” เป็นความไม่รู้นี่เองที่ทำให้สมการกู้โลกสมบูรณ์แบบ ตัวเอกและทีมเทเน็ทใช้ปฏิบัติการคีบขนาบในตอนสุดท้ายเพื่อที่เซเทอร์จะได้ ‘ไม่รู้’ ว่าถูกสกัดแผนล้างโลกได้ยังไง

‘ความไม่รู้’ ของตัวเอกเองในตอนแรก (ไปจนถึงแทบตลอดทั้งเรื่อง) ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านีลคือคนที่ตัวเขาเองในอนาคตส่งมาเพื่อนำทางเขาไปสู่การกู้โลกที่ถูกต้อง ตัวเอกของเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกตัวเองในอนาคตใช้ปฏิบัติการคีบขนาบควบคุมความเป็นไปผ่านทางนีล พรียา และเทเน็ท

TENET จึงไม่ใช่หนังย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตเพื่อเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน ความไม่รู้อย่างสุดท้ายก็คือตัวปฏิบัติการกู้โลกในหนังเรื่องนี้เอง ที่คนแทบทั้งโลกไม่มีใครล่วงรู้เลยว่ามีเหตุการณ์นี้อยู่ และมันได้จบลงไปแล้ว เหตุการณ์นี้คงอยู่ในช่วงเวลาแต่ไม่ถูกปรากฏให้คนทั่วไปได้เห็น เหลือไว้แค่ความปลอภัยของโลกและมนุษยชาติ เป็นปฏิบัติการซ่อนเร้นอย่างแท้จริง

‘ความไม่รู้’ ในหนังเองก็ถอยกลับมาสัมพันธ์กับคนดูในโลกจริง ที่ต่อให้ดูจบแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าตัวละครใช้กระบวนการอย่างไร แต่เป็นไปได้ว่าหลังจากหนังขึ้นเอนเครดิต คนดูได้อิ่มเอมใจและสนุกไปกับหนัง ซึ่งนั่นก็อาจจะเพียงพอแล้ว เพราะหนังเคยบอกกับเราช่วงหนึ่งว่า “อย่าพยายามเข้าใจ ใช้ความรู้สึก”

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า