ควีนเอลิซาเบธที่ 2 พระราชทานขวัญกำลังใจแก่ประชาชน-เจ้าหน้าที่ ร่วมต่อสู้โควิด-19

วันที่ 6 เม.ย. สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักร ทรงมีพระราชดำรัสต่อประชาชนในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 ระบาด โดยทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีวินัยในตนเอง และความแน่วแน่ในการฝ่าฟันกับปัญหาในห้วงเวลาแห่งความท้าทายนี้

สมเด็จพระราชินีนาถฯ พระชนมพรรษา 93 พรรษา พระราชทานพระราชดำรัส ซึ่งได้มีการบันทึกเทปไว้ล่วงหน้าที่พระราชวังวินด์เซอร์ ที่มีการเผยแพร่ทางโทรทัศน์, วิทยุ และสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 5 เม.ย. ตามเวลาในอังกฤษ หรือ 02.00 น. ของวันที่ 6 เม.ย. ตามเวลาในไทย

ในการพระราชทานพระราชดำรัสครั้งนี้ สมเด็จพระราชินีนาถฯ ตรัสถึงความเศร้าโศกเสียใจ และความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่ชาวอังกฤษต้องเผชิญในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายนี้ นอกจากนั้น พระองค์ทรงแสดงความขอบพระทัยบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้มีบทบาทสำคัญต่าง ๆ รวมทั้งทรงเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญที่ประชาชนแต่ละคนสามารถทำได้ในวิกฤตการณ์นี้

สมเด็จพระราชินีนาถฯ ตรัสว่า “นี่คือห้วงเวลาของความวุ่นวายของประเทศของเรา ที่นำมาซึ่งความเศร้าโศกสำหรับบางคน, ความยากลำบากทางเศรษฐกิจสำหรับหลายคน และความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคน”

“ข้าพเจ้าหวังว่าต่อไปภายหน้าทุกคนจะภาคภูมิใจกับสิ่งที่พวกท่านได้ทำเพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ และคนรุ่นหลังจะพูดได้ว่า คนอังกฤษรุ่นนี้มีความแข็งแกร่งไม่แพ้รุ่นใด”

“นั่นเป็นเพราะความมีวินัยในตนเอง ความแน่วแน่ในการฝ่าฟันปัญหาด้วยอารมณ์ที่ดี และด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน ที่ยังคงเป็นคุณลักษณะเฉพาะของประเทศนี้”

“ข้าพเจ้าขอขอบคุณบุคลากรด้านสาธารณสุขทุกคนที่อยู่ในแนวหน้า ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือเราทุกคน ข้าพเจ้ามั่นใจว่า คนทั้งชาติชาติจะเห็นด้วยกับข้าพเจ้าว่า สิ่งที่ท่านทำคือสิ่งที่น่าชื่นชม และการทำงานหนักในทุกโมงยามของทุกท่าน กำลังนำพวกเรากลับสู่ช่วงเวลาที่ปกติ”

นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีนาถฯ ยังตรัสขอบพระทัยประชาชนที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาลที่ให้เก็บตัวอยู่ในบ้าน เพราะการทำเช่นนี้ได้ช่วยปกป้องผู้ที่อ่อนแอ และช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของหลายครอบครัวที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก แม้ว่าช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมีสภาพอากาศดีทั่วประเทศก็ตาม

“ทุกคนต่างพร้อมใจกันรับมือกับโรคร้ายนี้ และข้าพเจ้าต้องการสร้างความมั่นใจอีกครั้งว่า หากเรายังคงร่วมมือกันและมีความกล้าหาญ เราก็จะสามารถเอาชนะมันได้”

พระองค์ยังต้องการให้ประชาชนทุกคนร่วมแสดงความภาคภูมิใจต่อการรับมือต่อความท้าทายนี้ เพื่อที่คนนรุ่นต่อไปจะได้ตระหนักว่าชาวอังกฤษในยุคนี้มีความแข็งแกร่งไม่แพ้ยุคใดๆ “ความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอดีต แต่มันกำหนดปัจจุบันและอนาคตของเรา”

“ความภาคภูมิในอัตลักษณ์ของสหราชอาณาจักร แสดงออกในรูปแบบของการที่ผู้คนออกมาร่วมแรงกัน ที่รวมถึงเสียงปรบมือที่มีต่อเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขทุกคน และช่วงเวลาที่สหราชอาณาจักรร่วมกันปรบมือ จะได้รับการจดจำว่าเป็นการแสดงออกของจิตวิญญาณประจำชาติ และสัญลักษณ์ของมันก็คือภาพสายรุ้งที่เด็กๆ วาด”

“ทั่วโลก เราได้เห็นเรื่องราวที่น่าประทับใจของผู้คนที่ออกมาช่วยเหลือกัน ทั้งการส่งอาหารและยา การดูแลเพื่อนบ้าน หรือการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น”

พระองค์ยังตรัสว่า ความท้าทายของการต่อสู้โคโรนาไวรัสครั้งนี้ แตกต่างจากความยากลำบากที่เราเคยเผชิญในอดีต เพราะเราต่างมีเป้าหมายเดียวกัน “ครั้งนี้ อังกฤษและประเทศต่างๆ จะร่วมกันใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และความเห็นอกเห็นใจ เพื่อเยียวยา เราจะประสบความสำเร็จและความสำเร็จนั้นจะเป็นของเราทุกคน”

สมเด็จพระราชินีนาถฯ ตรัสในท้ายที่สุดว่า “เราควรรู้สึกอุ่นใจได้ว่า ในยามที่เราอาจต้องเผชิญสิ่งต่างๆ อีกมาก วันที่ดีกว่าก็จะกลับมาอีกครั้ง เราจะได้พบปะมิตรสหายและครอบครัวอีกครั้ง, เราจะพบกันอีกครั้ง”

การบันทึกเทปพระราชดำรัสครั้งนี้มีขึ้นโดยใช้ช่างภาพเพียงคนเดียวซึ่งสวมชุดป้องกันเชื้อ ขณะที่เจ้าหน้าที่เทคนิคคนอื่น ๆ ทำงานอยู่ในอีกห้องหนึ่ง

ตลอดระยะเวลา 68 ปีที่ทรงครองราชย์ สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงมีพระราชดำรัสในช่วงวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองเพียง 4 ครั้งเท่านั้น คือ

-ในช่วงต้นที่สหราชอาณาจักรเข้าร่วมสงครามในอิรักเมื่อปี 1991
-การสิ้นพระชนม์ของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เมื่อปี 1997
-การสวรรคตของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี เมื่อปี 2002
-พระราชดำรัสขอบพระทัยเนื่องในงานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปีของพระองค์ ในปี 2012