‘รังสิมันต์’ เปิดข้อมูลขุมนรก จี้รัฐบาล จัดการแก๊งสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ เพื่อนบ้าน เป็นวาระแห่งชาติ

‘รังสิมันต์’ เปิดข้อมูลขุมนรก แก๊งสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์-ขบวนการค้ามนุษย์เพื่อนบ้าน จี้รัฐบาลจัดการให้เป็นวาระแห่งชาติ ด้าน ‘ประเสริฐ’ รมว.ดีอี ยันรัฐบาลนี้ปราบปรามเด็ดขาด-ไม่เกรงใจใคร

รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปรัฐบาล โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยสรุป กล่าวว่า รัฐบาลนี้ได้เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยคุกคามข้ามชาติและการเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ นอกจากนี้นโยบายโดยพรรคเพื่อไทย ยังได้ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะปกป้องประชาชน วางระบบป้องกันภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีที่เท่าทัน ไม่ปล่อยอาชญากรรมไซเบอร์ลอยนวล และขยายตัวออกไปสร้างความเสียหายต่อประชาชนซ้ำซากรายวัน สูญเสียทั้งทรัพย์สิน และชีวิตอีกต่อไป

แต่กว่า 7 เดือนของรัฐบาลชุดนี้ จากข้อมูลของตำรวจ ตั้งแต่ เดือนมีนาคม ปี 2565 ถึงเดือยมิถุนายน ปี 2566 คาดว่า ขบวนการได้สร้างความเสียหายเป็นคดีกว่า 285,000 คดี คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างบรายจ่ายที่บางกระทรวงพึ่งได้รับไปเสียอีก มีประชาชนได้รับผลกระทบมากมาย เป็นปัญหาเรื้อรังข้ามชาติที่ยังแก้ไม่หาย นอกจากนี้ จากปี 2563 มีสายโทรศัพท์หลอกลวง 1.7 ล้านสาย แต่ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านสาย เพิ่มขึ้นมา 10 เท่า ภายใน 2 ปี

รังสิมันต์ อภิปรายระบุถึงชายหญิงคู่หนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงที่เมืองเล้าก์ก่าย ซึ่งถูกนายจ้างจับผู้หญิงไปทำแท้งทันทีเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังมีหญิงเคนยา อีก 3 คน ถูกหลอกว่าให้มาทำงานเป็นครูสอนภาษาที่ประเทศไทยจะได้ค่าตอบแทนสูง ปรากฎว่าเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ก็มีขบวนการพาไปที่เมียนมา เพื่อเป็น โรแมนซ์สแกมใช้แอพหาคู่ทั้งหลายจีบให้รัก แล้วหลอกมาลงทุนในแพลตฟอร์มเงินดิจิทัลของพวกนายจ้างจีน

ภายหลังที่เล้าก์ก่ายถูกทลาย ขบวนการสแกมเมอร์ พวกนี้ก็ได้มาสมทบอยู่ที่เมียวดีและส่งเสริมให้เมียวดีกลายเป็นแหล่งที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น ต้องย้ำว่าเมียวดีจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญต่อศักยภาพของรัฐบาลนี้ เพราะอาชญากรรมที่นี่กำลังเฟื่องฟูอย่างมาก

เนื่องจากเมืองเมียวดีอยู่ติดกับ อ.แม่สอด จ.ตาก มีไฟฟ้า น้ำมันและอินเตอร์เน็ต ส่งจากประเทศไทย มีช่องทางธรรมชาติมากมายให้เลือกใช้ ส่วนการเดินทางก็แสนง่าย สะดวกลงแพตรงไหนก็ทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาจะหลอกคนต่างชาติ ก็แค่หลอกว่ามาทำงานประเทศไทย ก็จะหลอกได้ง่ายมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของประเทศไทยยังถือว่า เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยอยู่

รังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลที่ได้รับจากภาคประชาสังคม พบว่า ในเมืองเมียวดี มีบ่อนกาสิโนมากมายที่พ่วง สแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นเมื่อรวมกาสิโน ริมชายแม่สอด กว่า 30 แห่ง และริมชายแดนอำเภอพบพระอีก 4 แห่ง จึงคาดว่ามีกาสิโนอยู่ประมาณ 34 แห่ง แบ่งกระจายเป็นหลายโซนในเมืองเมียวดี

รังสิมันต์ ยังได้เปิดคลิปวิดีโอ พร้อมเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ ความโหดร้าย การลงโทษที่รุนแรงของนายจ้าง และว่า ในเมืองเมียวดี มีธุรกิจกาสิโนของคนไทยเช่นเดียวกัน อย่างน้อยๆ มีถึง 17 แห่ง ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของหรือเป็นหุ้นส่วน อาทิ ตำรวจ ยศ พล.ต.ต. ยังรับราชการอยู่ มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคนในพรรครัฐบาล, อดีตตำรวจ ยศ ร.ต.ต., อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม, ซึ่งบ่อนเหล่านี้ ข้ามไปเล่นง่ายมากๆ และไม่มีด่านของหน่วยงานใดตรวจสอบ

ทั้งนี้ รังสิมันต์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาล ยกระดับการจัดการทั้งการทูตและการทหาร สามารถศึกษาจากโมเดลของประเทศจีน ว่าทลายเครือข่ายเหล่านี้ได้อย่างไร เจรจากับรัฐบาลทหารพม่าอย่างไร เพื่อจัดการปัญหาสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ อีกทั้ง ต้องกลับมาทำให้พื้นที่ชายแดนมีความมั่นคงปลอดภัย ไฟฟ้า น้ำมัน อินเตอร์เน็ต จะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของบรรดากาสิโน และธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เสนอตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ว่าคนเหล่านี้ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

“การจัดการเมียวดีหรือไม่ เป็นโอกาสสำคัญของท่านนายกฯ ที่จะต้องไขว่คว้าไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยเอาจริงเอาจังกับการจัดการอาชญากรรมข้ามชาติ ช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ จากปากประตูนรกเมียวดี สู่ประเทศที่มีบทบาทนำในภูมิภาค ในการจัดการกับปัญหาในเมียนมา แต่ถ้าไม่ ประเทศไทยก็ต้องเป็นปากนรกเมียวดี ที่ยังคงเกื้อหนุนเมียวดีต่อไป ภาพลักษณ์ประเทศไทย การท่องเที่ยวไทย และโอกาสดีๆ ของประเทศไทย ก็จะถูกทำลายลง นี่คือวาระแห่งชาติที่ท่านนายกฯ มองข้ามไม่ได้อีกแล้ว” รังสิมันต์ ระบุทิ้งท้าย

ด้าน ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวชี้แจงตอนหนึ่งว่า ต้องขอขอบคุณข้อมูลของท่านที่ได้นำเสนอ ที่ท่านพูดว่ามีนายตำรวจ ยศ พล.ต.ต. มีนักการเมือง อดีตปลัด เกี่ยวข้อง หรือใครก็ตาม รัฐบาลโดย นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ไม่ปล่อยแน่นอน เราจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด และเป็นไปตามกฎหมาย อะไรที่เป็นประโยชน์กับคนไทยรัฐบาลต้องทำ แม้บางเหตุการณ์ต้องไปถึงต่างประเทศ ที่ท่านยกตัวอย่าง เมืองเมียวดี และสีหนุวิลล์ วันนี้เราก็ดำเนินการจับกุมตลอดเวลาเฉพาะฝั่งไทย และมีการทำงานร่วมกันในทางลับอยู่ รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ข้อเสนอแนะของท่านรัฐบาลจะรับไปดำเนินการ ส่วนเรื่องคณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่ท่านบอกว่าต้องยกให้เป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลก็เห็นไม่แตกต่างจากที่ท่านเห็น หากมีข้อมูลท่านสามารถนำส่งเพิ่มเติมได้ เพื่อที่จะทำงานร่วมกันต่อไป ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เด็ดขาดต่อไป