เร่งช่วย! ปธ.สมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน ถูกปืนจ่อหัว-ยิงขา เรียกค่าไถ่ 5 ล้าน

นายสิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่ ประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน

ประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน หายตัวไร้ร่องรอย หลังเดินทางข้ามฝั่งไป สปป. ลาว โดยลูกสาวได้รับข้อความทางไลน์เป็นภาษาจีน เรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท พร้อมส่งคลิปวิดีโอมาให้เป็นภาพนายสิงห์แก้ว ถูกยิงเข้าที่บริเวณต้นขาขวาและมีรอยเลือดติดอยู่ที่กางเกง

วันนี้ (29ก.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่ อยู่บ้านเลขที่ 380 หมู่ 10 ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นได้ปรากฎข้อความและภาพจากกลุ่มคนติดอาวุธว่านายสิงห์แก้วฯ ได้ถูกจับกุมตัวอยู่ในบริเวณเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และขอให้ญาติหรือผู้ที่ต้องการช่วยเหลือได้นำเงินไปไถ่ตัวจำนวน 5 ล้านบาทด้วย จากนั้นจึงจะปล่อยตัวนายสิงห์แก้วให้กลับคืนสู่ประเทศไทย

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายสิงห์แก้ว ได้เดินทางออกจากประเทศไทยผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน แล้วข้ามไปยังฝั่งเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อไปทำธุระ แล้วไม่ได้เดินทางกลับมาตามปกติ ทำให้นางสาวรสริน วงศ์ใหญ่ บุตรสาวของนายสิงห์แก้ว ได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเชียงแสนว่า บิดาได้หายไป

นอกจากนี้ ยังพบว่าได้มีผู้ส่งข้อความและคลิปวิดีโอมาให้ด้วย โดยเป็นภาพของนายสิงห์แก้ว สภาพถูกยิงเข้าที่บริเวณต้นขาขวาและมีรอยเลือดติดอยู่ที่กางเกง รวมทั้งมีการใช้อาวุธปืนสั้นจี้ที่บริเวณศีรษะอยู่ด้วย จากนั้นมีข้อความขู่ว่าให้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีของชายคนหนึ่ง เป็นธนาคารแห่งหนึ่งของไทย (นายอนันต์ฉาย)

ล่าสุดนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นายอำเภอเชียงแสน ร่วมกับทางหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามติดต่อกับกลุ่มผู้ที่จับกุมตัวนายสิงห์แก้ว เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือ ท่ามกลางความห่วงใยของครอบครัวและญาติในฝั่งไทย

ด้านแหล่งข่าวชายแดน ระบุว่า สำหรับนักธุกิจชายแดนจะทำการค้าขายกับพ่อค้าชาวจีนด้วยการส่งออกสินค้า เช่นโค กระบือ และสุกร รวมทั้งอาจจะมีประเภทสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เช่น น้ำตาล และเครื่องดื่มชูกำลัง ส่วนกรณีของนายสิงห์แก้ว ก็มีการค้าขายกับพ่อค้าชาวจีนเช่นกันและอาจจะเป็นไปได้ว่า คงมีการตกลงทางการค้ากันแล้วปรากฎว่าไม่สามารถจัดหาสินค้าส่งให้ได้ทันเวลาที่กำหนด หรือเรื่องเงินที่มีการจ่ายไปแล้วแต่ไม่ได้รับสินค้า ทำให้กลุ่มชาวจีนเรียกไปเจรจา เพื่อหาทางออกในฝั่ง สปป.ลาว ทำให้นายสิงห์แก้ว เดินทางด้วยเรือข้ามฟาก จนกระทั่งอาจเจรจาแล้วหาข้อตกลงไม่ได้ทำให้ถูกทำร้ายแล้วเรียกค่าไถ่ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนสอบสวนรวมทั้งประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้สืบหาข้อมูลที่แท้จริงและหาทางช่วยเหลือนักธุรกิจไทยรายนี้กลับมาต่อไป