ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคําพิพากษาศาลยกฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มี นายทักษิณ ชินวัตร กับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลย เป็นเหตุให้ธนาคารกรุงไทยได้รับความเสียหายเป็นเงิน 10,054.46 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ยักยอก ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ความผิดต่อพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2555 คดีหมายเลขแดง อม. 55/2558 ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 27 คน คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทในเครือบริษัท กฤษดามหานคร โดยศาลพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ จำเลยที่ 1 เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมายังไม่มีน้ำหนัก
ซึ่งศาลฯ วินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดหรือไม่ องค์คณะเสียงข้างมาก เห็นว่าตามทางไต่สวนแม้จะได้ความจากนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ หนึ่งในห้าคณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อธนาคารกรุงไทยว่า นายชัยณรงค์ ได้รับโทรศัพท์จาก ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร ธ.กรุงไทย 1 ใน 5 คณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อ ธ.กรุงไทย จำเลยที่ 2 แจ้งว่าโครงการขออนุมัติสินเชื่อของบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด
จำเลยที่ 19 (บริษัทในเครือกฤษดามหานคร) “ซุปเปอร์บอส” ตกลงแล้วอย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว ซึ่งมีลักษณะเป็นการสั่ง และคำว่า” ซุปเปอร์บอส” น่าจะหมายถึงนายทักษิณ จำเลยที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะเกิดเหตุ แต่พยานเห็นว่าที่ดินซึ่งจำเลยที่ 19 อ้างทำโครงการขนาดใหญ่พื้นที่จำนวนมากถึง 4,000 ไร่ น่าจะมีปัญหาในการรวบรวมที่ดินแต่ละแปลง
ดังนั้นโครงการดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ และบริษัทโกลเด้นฯ จำเลยที่ 19 ก็ยังมีภาระสินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่นอีกจำนวนมาก ไม่อยู่ในสถานะชำระหนี้ได้ พยานจึงได้โต้แย้งการอนุมัติสินเชื่อ แต่ในที่ประชุมไม่มีบันทึกการโต้แย้ง ถ้ามีการโต้แย้งจริงจะอนุมัติสินเชื่อให้ได้อย่างไร ซึ่งการอนุมัติคณะกรรมการต้องเห็นชอบทั้ง 5 คน