เสียงจากคนระยอง ขอคนไทย “เปลี่ยนความกลัว เป็นกำลังใจ” กลับมาเที่ยวระยองอีกครั้ง

“ช่วงที่อุทยานแห่งชาติ หรือปิดเกาะเสม็ดปิด และล็อกดาวน์ จ.ระยอง ไประยะหนึ่ง ชาว จ.ระยองทุกคน ได้ช่วยกันฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว ชายหาดอย่างต่อเนื่อง จนสวยสะอาด สิ่งที่เราคาดหวังก็คือว่า เราต้องการให้สิ่งที่เราฟื้นฟูนี้ไว้รอต้อนรับ นักเดินทาง นักท่องเที่ยว ที่จะได้เดินทางเข้ามาหลังจากที่ปลดล็อกดาวน์”

เสียงสะท้อนความรู้สึก และความตั้งใจของชาวระยอง ผ่านคำบอกเล่าของ นายสำราญ รุ่งโรจน์ ชาวจังหวัดระยอง ผู้ประกอบการร้านหมึกสะเด็ดในพื้นที่ ต.บ้านเพ อ.เมือง จ.ระยอง และเป็นสมาชิกหอการค้าจังหวัดระยอง เปิดใจกับ ทีมข่าว workpointTODAY ถึงวิกฤตรอบใหม่ที่ต้องเผชิญ หลังพบทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 พักอยู่ในจังหวัด

กรณีนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านสาธารณสุขของ จ.ระยอง แต่ยังส่งผลถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ที่ที่มีการท่องเที่ยวเป็นตัวหล่อเลี้ยง

จ.ระยอง เป็นพื้นที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก เป็นจังหวัดที่มีภาคเศรษฐกิจมีความโดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยว เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีชายฝั่งทอดยาวกว่า 100 กิโลเมตร และยังมีแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง ‘เกาะเสม็ด’ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวโดยเฉาะชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การเดินทางข้ามประเทศหยุดชะงัก เกิดการล็อกดาวน์ภายใน รายได้จากการท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ทันที

สำราญ เล่าว่า ช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม เป็นช่วง Hight Season หรือ ฤดูกาลท่องเที่ยวของ จ.ระยอง เพราะเป็นช่วงทะเลตะวันออกสวย และยังคาบเกี่ยวเทศกาลผลไม้ ของ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวชมผลไม้ในสวน แต่ปีนี้เกิดล็อกดาวน์คนเที่ยวสวนผลไม้หายไปหมดไปหมด กระทบผู้ประกอบการและเกษตรกรอย่างมาก

นอกจากนี้ประชาชนที่มีรายได้ไม่สูงมากนัก พ่อค้า แม่ค้า ผู้ค้ารายย่อย ที่ต้องอาศัยนักท่องเที่ยวที่เดินทางจาก ต่างประเทศ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาในสัดส่วนที่เยอะ ตัวเลขรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ถูกตัดออกไปเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ และต้องปิดกิจการชั่วคราว เพื่อรองรัฐมาตรการที่รัฐออกมา เพื่ออยู่การแพร่เชื้อ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะกับผู้ประกอบการ แต่ยังมีพนักงาน ยังมีลูกจ้างที่ต้องดูแล ซึ่งกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงครอบครัวเขาด้วย

ระหว่างล็อกดาวน์ ชาวระยองเตรียมตัว เตรียมมาตรการ รักษาอย่างดี และในเดือนนี้ทุกอย่างกำลังจะกลับมาแต่ก็เจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด

คลายล็อกท่องเที่ยว จากยอดจองเต็ม หายไปเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ชั่วข้ามคืน

“ผมมั่นใจว่าระยองเป็นจุดมุ่งหมายต้นๆ ของนักท่องเที่ยว ซึ่งผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร เราได้รับการจองเข้ามาช่วงกรกฎาคมเยอะมาก เพราะมีวันหยุดหลายช่วง เราดีใจที่มีโอกาสได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่ตอนนี้ถูกยกเลิกเกือบหมด” สำราญ กล่าว

ข้อมูลจากสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว และหอการค้าจังหวัดระยอง พบว่า ตัวเลขการยกเลิกที่พักหลังเป็นข่าวมีมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

สำราญ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าความเสี่ยงยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะโรงแรมที่ทหารอียิปต์พักก็มีมาตรการเข้ม ห้างสรรพสินค้าก็ปิด Mask และเวลาชัดเจน และไม่ได้เดินทางไปพื้นที่อื่นๆ เลยที่สำคัญสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของ จ.ระยอง อยู่ในเขตอุทยาน ดังนั้นความเข้มข้นเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยจะเข้มงวด ทั้งเรื่องโควิด-19 และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน เพราะต้องการสร้างความเชื่อมั่นกับทุกคนที่จะเดินทางเข้ามา โดยเฉพาะช่วงที่ปิดการท่องเที่ยวไปในพื้นที่ก็เข้มงวดเรื่องมาตรการ เพื่อรอรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว ให้สามารถเที่ยวได้อย่างปลอดภัย

 “แต่อย่างไรก็แล้วแต่ พวกเราชาว จ.ระยอง ยังเข้มแข็ง ถึงแม้เราจะล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่เราก็จะลุกขึ้นอย่างเร็ว เพื่อพัฒนาจังหวัดของเรา เพื่อต้อนรับนักเดินทางนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาใน จ.ระยองของเราในโอกาสอันใกล้นี้ อยากให้ทุกท่านเปลี่ยนความกลัวที่จะเดินทางเข้ามา เป็นกำลังใจที่ดี ที่ช่วยมาสนับสนุนคนไทยด้วยกัน เราเองในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านเราให้คำมั่นสัญญากับท่านเลยว่า เราจะปฏิบัติตัว อย่างดี และมีมาตรการป้องกัน ดูแลนักท่องเที่ยวทุกคนอย่างดี” สำราญ กล่าวย้ำ

เขายังกล่าวถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนคนไทย ด้วยว่า ไม่อยากเรียกร้องสิ่งใดมากมาย เพราะช่วยตัวเองกันมาตลอด แต่อยากให้ช่วยเรื่องมาตรการท่องเที่ยว และอยากให้ทุกคนเลือกระยองเป็นจุดหมายปลายทาง มาท่องเที่ยวพักผ่อน ขอให้มั่นใจ ว่าจะเดินทางมาได้ เราเองเรามั่นใจในการรักษาความปลอดภัย แต่เราให้เกียรติท่านในการเดินทางมาหรือไม่ แต่เราพร้อมต้อนรับเสมอ

“หลายเดือนที่ผ่านมา ทุกคนอยู่ในมาตรการอย่างมาก หยุดเชื้อ เพื่อชาติ อยู่บ้าน แต่เรามาเจอกระแสความรู้สึกว่า ถ้าเดินไปไหน เจอกักตัว หรือใครเดินทางมาช่วงนี้จะโดนกักตัว ก็รู้สึกว่า เราทำผิดอะไร ทั้งที่เราเข้มข้นกับการป้องกันมาตลอด และภาพที่ทุกคนเห็นก็ชัดเจนมากว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์มาโดยตลอด เรารู้สึกเสียใจ ไม่อยากให้คนไทยมองเราแบบนี้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นนอกเหนือการควบคุมของพวกเราจริงๆ  ถ้าหากว่ามีการแจ้งสถานที่ให้ชัดเจน และจำกัดวงความเสี่ยงชัดเจน ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจไม่รุนแรงขนาดนี้ แม้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกมายืนยันความชัดเจน แต่ก็ยันถือว่าล่าช้าไปหน่อย” สำราญกล่าวทิ้งท้าย