SHARE

คัดลอกแล้ว

ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ หุ้นร่วงหนักขนาดนี้ ลากเอามูลค่าลดต่ำลงเป็นประวัติศาสตร์โลกในวันเดียว

เรื่องราวเริ่มต้นที่ข่าวใหญ่ในวงการธุรกิจโลกเมื่อวานนี้ คือการที่ Facebook หรือ Meta รายงานผลประกอบการ สร้างความผิดหวังไปทั่ว ทำเอามูลค่าหุ้นตก 26% ทำให้มูลค่าบริษัทตามราคาตลาดสูญหายไป 2.3 แสนล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยสูงถึง 7.5 ล้านล้านบาท

มันเกิดอะไรขึ้น? 

TODAY Bizview สรุป 6 เหตุผลสำคัญ ว่าทำไม Facebook ถึงมาสู่จุดนี้ได้ จุดที่มูลค่าดำดิ่งหนักที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา

1) ยอดคนใช้งานตัน เป็น ‘บ้านพักคนชรา’

ยุครุ่งเรืองของ Facebook ได้ผ่านพ้นไปแล้ว วัยรุ่นใช้น้อยลง หลายคนเรียก Facebook ว่าเป็น “บ้านพักคนชรา” คนรุ่นใหม่ๆ ทั่วโลกหันไปใช้โซเชียลมีเดียอื่นๆ มากขึ้น

แต่จุดที่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างมาก มาจากรายงานของ Facebook นั่นคือตัวเลขผู้ใช้งานรายวัน (Daily Active Users) ที่ลดลงไปจาก 1,930 ล้าน เหลือเพียง 1,929 ล้าน 

พูดง่ายๆ คือ คนใช้งานต่อวันบน Facebook ลดลง 1 ล้านคนต่อวัน นี่คือเรื่องใหม่ และเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นการลดลงครั้งแรกของ Facebook ในรอบ 18 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา

2) Apple ทำพิษด้วย “Ask App Not to Track”

นี่เป็นอีกเรื่องที่สั่นสะเทือน Facebook มากที่สุด เมื่อ Apple เจ้าของ iPhone สร้างทางเลือกให้ผู้ใช้งานว่า จะอนุญาตให้ Facebook ติดตามข้อมูลของลูกค้าได้หรือไม่

แน่นอนว่า มันจะส่งผลดีต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แต่ในแง่ธุรกิจของ Meta แล้ว นี่คือหายนะ เพราะถ้าไม่มีข้อมูลลูกค้า แล้วจะเอาอะไรไปยิงโฆษณา

และที่หนักกว่านั้น นี่เป็นความเจ็บปวดที่ทวีคูณ เพราะผู้ใช้งาน iPhone ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่พร้อมจ่าย มากกว่ากลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์ Android โดยทั่วไป การสูญเสียลูกค้ากลุ่มนี้ไป ถือเป็นเรื่องใหญ่ในทางธุรกิจ

มีการประเมินว่า นโยบายใหม่ของ Apple จะส่งผลต่อธุรกิจของ Meta ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 300,000 ล้านบาทในปีหน้าที่จะถึง

3) โฆษณาหนีไปลง Google

ผลกระทบต่อเนื่องจากข้อ 2 เพราะหลังจากที่ Apple เปลี่ยนกฎความปลอดภัย สุดท้ายก็ส่งผลให้ เม็ดเงินค่าโฆษณาจาก Facebook ไหลไปยัง Google

นี่เป็นเรื่องจริง เพราะคำตอบอยู่ในรายงานผลประกอบการของ Google ไตรมาสล่าสุด

ในปลายปีที่ผ่านมา รายได้โฆษณาของ Google ทั้งบริษัท เติบโตขึ้น 32% มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้โฆษณาหมวดอีคอมเมิร์ซเป็นหมวดที่เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุด

พูดแบบให้เห็นภาพคือ คนในวงการโฆษณาทั้งโลก เชื่อมั่นใน Google Search มากกว่าลงโฆษณาใน Facebook นั่นเอง

4) คู่แข่งหน้าใหม่ TikTok โตแรง

Facebook มีคนใช้งานต่อวันลดลง แต่เมื่อไปดูคู่แข่งอย่าง TikTok แอปจีนที่เติบโตต่อเนื่อง จนตอนนี้มีฐานคนใช้งานทะลุ 1,000 ล้านคนไปแล้ว ความร้อนแรงของ TikTok ใครก็ฉุดไม่อยู่ 

และแม้ว่าตัวของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เองก็รู้ว่า วิดีโอสั้นอย่าง TikTok มาแน่ ดังนั้นจึงต้องทำฟีเจอร์ Reels ใน Instagram ที่เป็นบริษัทลูก มาแข่ง

แต่ปัญหาคือ นอกจาก ฟีเจอร์ Reels จะดูเหมือนเป็นการเลียนแบบ TikTok แล้ว ปัญหาที่ใหญ่สุดก็คือ ฟีเจอร์ Reels สร้าง engagement ได้เยอะ แต่มันทำเงินให้บริษัทไม่ได้ 

สรุปคือ เวลาเจอศัตรูใหม่ๆ Facebook ก็ยังคงสู้ด้วยท่าเดิมๆ ในอดีตตอนที่ Snapchat โด่งดัง สิ่งที่ Facebook ทำคือการเลียนแบบ สร้างฟีเจอร์ Stories แต่ต้องยอมรับว่า ครั้งนั้นสร้างรายได้อย่างประสบสำเร็จ

แต่รอบนี้ศัตรูคนใหม่อย่าง TikTok ที่มาแรงเหลือเกิน ใครจะไปรับประกันได้ว่า Facebook จะซ้ำรอยความสำเร็จแบบเดิมได้อีกครั้ง

5) ขาดทุนเละ จากการทุ่มเงินใน Metaverse

ในปีที่ผ่านมา สรุปแล้ว Meta ลงทุนในจักรวาลนฤมิตไปมหาศาล แต่พอนับตัวเลขรวมแล้วก็พบว่า ขาดทุนในส่วนนี้ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท 

มากกว่านั้น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็บอกเพิ่มว่า ไม่เป็นไร เพราะปีนี้บริษัทจะลงทุนเพิ่มอีก 

ทั้งหมดนี้มันเป็นไปได้ ก็ด้วยความเชื่ออันสูงสุดของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ที่มั่นใจว่า Metaverse คือโลกอนาคตที่จะมาถึง 

แต่ถ้าดูจากราคาหุ้น มูลค่าที่หายไปเมื่อวานนี้ ก็ต้องบอกว่า นักลงทุนจำนวนไม่น้อย อาจไม่ได้คิดเช่นนั้น

6) ถูกหน่วยงานกำกับสับเรื่องผูกขาด

แม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook มาเป็น Meta แต่เรื่องราวในทางกฎหมาย ปัญหากับหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามากำกับ ยังไม่จบสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องการผูกขาดในอุตสาหกรรมโซเชียล มีเดีย ที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กปฏิเสธมาตลอด 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในทางธุรกิจหลังจากนี้สำหรับ Facebook หรือ Meta คือการที่จะเข้าซื้อกิจการอื่นๆ เข้ามาเป็นของตัวเอง จะเป็นเรื่องยากมากๆ ภาพของการที่ Facebook เข้าซื้อ Instagram หรือ WhatsApp มาเป็นของตัวเองเพื่อขยายอาณาจักรโซเชียล มีเดีย จะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ อีกต่อไป

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์หุ้นร่วงครั้งใหญ่ มูลค่าหดหายครั้งประวัติศาสตร์ของ Facebook

ชวนอ่านบทความวิเคราะห์ขาลง Facebook ยอดคนใช้งานรายวันไม่โต มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก สูญเสีย 8 แสนล้านบาทในวันเดียว

อ้างอิง – NYT 1, 2, The Economist

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า