ใครจะเชื่อว่าเกมที่ถูกสร้างมาเพื่อความบันเทิง จะกลายเป็นชนวนถกเถียงเรื่องเพศครั้งใหญ่ในสังคมจีน แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับ ‘Revenge on Gold Diggers’ เกมจีบสาวน้องใหม่บน Steam ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อกลางเดือน มิ.ย. และสามารถไต่ขึ้นสู่อันดับหนึ่งของเกมขายดีในจีนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
กระแสตอบรับที่ร้อนแรงกลับมาพร้อมแรงตีกลับที่ไม่เบา เมื่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและนักวิจารณ์จำนวนมากตั้งคำถามว่า นี่คือเกมที่ต้องการส่งสารเตือนภัย ‘รักลวงหลอก’ บนโลกออนไลน์? หรือเป็นเพียงการผลิตซ้ำภาพเหมารวมที่ลดทอนคุณค่าของผู้หญิงภายใต้ฉากหน้าของความบันเทิง?
TODAY ชวนสำรวจปรากฏการณ์ที่กำลังเขย่าขอบเขตของ เกมอินเตอร์แอคทีฟ ในวันที่เส้นแบ่งระหว่าง ‘การสะท้อนสังคม’ กับ ‘การสร้างอคติ’ เริ่มเลือนราง พร้อมตั้งคำถามสำคัญว่า ‘Revenge on Gold Diggers’ สะท้อนอะไรเกี่ยวกับจีนในวันที่ ‘ความรัก ความรวย และความอยู่รอด’ ถูกผูกโยงเข้าหากันอย่างแนบแน่น
จนแม้แต่ชื่อเกมเพียงชื่อเดียว ก็สามารถจุดไฟความขัดแย้งทางเพศและเศรษฐกิจให้ลุกลามได้ในชั่วข้ามคืน
เมื่อ ‘ชื่อเกม’ ถูกมองเป็นกระจกสะท้อนอคติทางเพศ
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกม Revenge on Gold Diggers ปรากฏขึ้นมาบน Steam เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เกมอินเตอร์แอคทีฟจากจีนเกมนี้ก็กลายเป็นไวรัล พร้อมจุดชนวนกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์
โดยเฉพาะประเด็นเรื่องชื่อเกม ซึ่งไปพ้องกับคำภาษาจีนว่า ‘捞女’ ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ‘หญิงล่าทรัพย์’ หรือ ‘ผู้หญิงที่แสวงหาผลประโยชน์ทางการเงินจากผู้ชาย’ เป็นคำเปรียบเปรยเชิงลบที่มักถูกใช้ดูแคลนผู้หญิงที่แต่งตัวดี ใช้ชีวิตหรูหรา หรือแสดงออกว่าต้องการความมั่นคงจากความสัมพันธ์ คบกับผู้ชายเพื่อเงิน
ในมุมมองของนักวิจารณ์จำนวนมาก การเลือกใช้คำนี้ในชื่อเกมไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงการ ‘เล่นคำ’ เพื่อความสนุก แต่เป็นการผลิตซ้ำอคติทางเพศ ที่ตอกย้ำภาพเหมารวมของผู้หญิงว่าเป็น ‘ฝ่ายล่า’ ทั้งที่ขาดการพิจารณาบริบทชีวิตหรือปัจเจกความจริงของแต่ละคนอย่างถี่ถ้วน
กระแสความไม่พอใจขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนไม่กี่ชั่วโมงหลังเกมเปิดตัว บัญชีทางการของผู้พัฒนาในแพลตฟอร์มวิดีโอจีนอย่าง Bilibili และ Douyin ได้ถูกระงับ ในขณะที่บัญชีของ ผู้กำกับเกมชาวฮ่องกง ‘มาร์ก หวู่’ ก็ถูกแบนจากโซเชียลมีเดียหลายช่องทาง โดยไร้คำชี้แจงจากทางการ
ท่ามกลางแรงกดดัน ทีมพัฒนาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเกมใหม่เป็น ‘Emotional Fraud Simulator’ หรือ ‘เกมจำลองการหลอกลวงทางอารมณ์’ พร้อมถอดฟีเจอร์ให้ผู้เล่นแชร์ประสบการณ์ชีวิตจริงออกจากตัวเกม เพื่อหลีกเลี่ยงดราม่าระลอกใหม่ แม้จะยืนยันว่าเนื้อหาหลักในเกมยังคงเดิมทุกประการ
แต่ถึงชื่อเกมจะเปลี่ยนไป เสียงวิจารณ์ที่ถูกจุดประกายขึ้นมากลับยังคงดังสะท้อนอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ผู้เล่นสวมบท ‘ชายหนุ่ม’ ล้างแค้นหญิงล่าทรัพย์
Revenge on Gold Diggers หรือชื่อใหม่ Emotional Fraud Simulator เป็นเกมอินเตอร์แอคทีฟแนวโรแมนติก ที่ให้ผู้เล่นรับบทเป็นชายหนุ่ม ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาว 5 คน ผ่านการเลือกตอบบทสนทนาและตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยทุกตัวเลือกจะส่งผลต่อทิศทางของเรื่องราว และนำไปสู่ตอนจบที่แตกต่างกันถึง 38 แบบ
หญิงสาวแต่ละคนในเกมมีบุคลิกและบทบาทต่างกัน ตั้งแต่สาวไลฟ์สตรีมเมอร์ ผู้ประกอบการ ไปจนถึงบาริสต้าในร้านกาแฟ แต่สิ่งที่พวกเธอมีเหมือนกันคือภาพลักษณ์ของการ ‘ล่อลวงชายหนุ่ม’ เพื่อหวังผลประโยชน์ ทั้งเงินทองและของขวัญมีค่า
หนึ่งในประโยคที่กลายเป็นไวรัลอย่างร้อนแรง มาจากตัวละครหญิงที่กล่าวว่า “เขาเชื่องยิ่งกว่าสุนัข… ขอแค่เจอพวกทึ่มแบบนี้อีกสักคนก็พอ” คำพูดนี้เองที่จุดไฟให้กับการวิพากษ์วิจารณ์เกมอย่างหนักบนโลกออนไลน์
โครงเรื่องของเกมถูกออกแบบให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์ของการ ‘ล้างแค้นหญิงล่าทรัพย์’ โดยต้องใช้การวางแผนและตัดสินใจเพื่อรับมือกับกลยุทธ์ของตัวละครหญิง ภายในเกมประกอบด้วยฉากวิดีโอความยาวรวมกว่า 8 ชั่วโมง พร้อมระบบตัวเลือกกว่า 200 จุด ซึ่งช่วยเพิ่มความลุ่มลึกและหลากหลายให้กับเนื้อเรื่อง
นอกจากนี้ เกมยังมาพร้อม ‘คลังความรู้เกี่ยวกับกลวิธีหลอกลวงทางอารมณ์’ (Love Scam Knowledge Archive) ซึ่งรวบรวมเทคนิคและกลเม็ดต่าง ๆ ที่ใช้ในการต้มตุ๋นความสัมพันธ์ เพื่อช่วยให้ผู้เล่นตระหนักรู้และป้องกันตัวจากภัยรักออนไลน์ได้ดีขึ้น
เมื่อเกมสะท้อนความเปราะบางของคนรุ่นใหม่
แม้ทีมพัฒนาเกมจะอธิบายว่า Emotional Fraud Simulator มีเป้าหมายเพื่อสร้าง ‘บทสนทนาแบบเปิด’ ว่าด้วยขอบเขตของความสัมพันธ์ยุคใหม่และการตระหนักรู้ต่อ ‘กลโกงทางอารมณ์’
แต่สำหรับนักวิจารณ์จำนวนมาก เกมนี้กลับสะท้อนชุดความเชื่อที่กดทับผู้หญิง และตอกย้ำภาพลักษณ์ของ ‘หญิงล่าทรัพย์’ อย่างไม่มีพื้นที่ให้ความซับซ้อนของชีวิตจริง
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ แต่แวดล้อมด้วยบริบททางเศรษฐกิจและสังคมจีนที่กำลังเปราะบางอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่
ในขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัว อัตราว่างงานพุ่งสูง และราคาบ้านในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้พุ่งเกินเอื้อม ‘การแต่งงาน’ ถูกมองโดยบางคนว่าเป็นทางรอดสุดท้ายทางการเงิน มีรายงานว่า ผู้หญิงจำนวนมากเริ่มเข้าสู่ ‘วิวาห์ปลดหนี้’ หรือที่ในโลกออนไลน์จีนเรียกว่า ‘ภรรยาล้างหนี้’ (Debt-clearing wives) ซึ่งใช้กับกลุ่มผู้หญิงที่แต่งงานกับชายที่มั่งคั่ง เพื่อหลุดพ้นจากหนี้สินมหาศาลที่สะสมจากการบริโภค ถึงขั้นที่บางคนแสดงเจตนาชัดว่า “ต้องการผู้ชายที่มีบ้าน มีรถ และพร้อมโอนให้หลังแต่งงาน”
ขณะเดียวกัน กรณีหลอกแต่งงานเพื่อฮุบทรัพย์สินก็กลายเป็นข่าวบ่อยครั้ง ผู้ชายหลายคนโพสต์เตือนภัยหลังถูกภรรยาใหม่หย่ากะทันหันและเรียกร้องแบ่งบ้านที่ซื้อด้วยกันเพียงไม่กี่เดือนก่อน
สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงทำให้ผู้ชายบางกลุ่มเกิดความไม่ไว้วางใจ แต่ยังนำไปสู่การเหมารวม หรือกล่าวหาผู้หญิงทุกคนว่าอาจแฝงเจตนาซ่อนเร้นในความรัก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเกมที่จำลองสถานการณ์ ‘หลอกแล้วล้างแค้น’ อย่าง Emotional Fraud Simulator ถึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในจีน ทั้งที่เต็มไปด้วยข้อถกเถียง
สะท้อนความจริง หรือสร้างอคติในสังคมจีน?
Emotional Fraud Simulator อาจดูเหมือนเกมจีบสาวธรรมดา แต่ในความเป็นจริง มันได้กลายเป็นเวทีสะท้อนรอยร้าวลึกในสังคมจีนร่วมสมัย ตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจที่ผลักดันให้ผู้คนต้องมองความสัมพันธ์เป็นทางรอด ไปจนถึงทัศนคติที่ยังคงตีกรอบผู้หญิงด้วยภาพเหมารวมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสียงสนับสนุนมองว่าเกมนี้คือการเตือนภัยยุคดิจิทัล แต่เสียงวิจารณ์ก็ตั้งคำถามว่า ภายใต้ฉากรักและเส้นเรื่องซับซ้อน มันอาจกำลังตอกลึกความไม่เท่าเทียมและความหวาดระแวงระหว่างเพศ โดยไม่เปิดพื้นที่ให้เข้าใจความหลากหลายของแรงจูงใจและบริบทชีวิตจริง
ในยุคที่เกมไม่ได้เป็นแค่ความบันเทิง แต่กลายเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อความคิดและทัศนคติ การตั้งคำถามว่า “เกมกำลังสะท้อนมุมมองแบบไหนต่อโลกและสังคม” จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การถามว่า “เกมนี้สนุกหรือไม่” เพราะสิ่งที่เราเลือกเล่น อาจกำลังกำหนดวิธีที่เรามองคนอื่น และมองตัวเราเองโดยไม่รู้ตัว