จากรายงานเศรษฐีร้อยล้าน ประจำปี 2566 เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีเศรษฐีร้อยล้านอยู่ 28,420 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 20 ปีที่แล้วกว่าเท่าตัว และเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว
โดยกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลกกลุ่มนี้ ต้องมีทรัพย์สินที่ลงทุนได้อย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากอ้างอิงจากข้อมูลของปีที่แล้ว จะพบว่าเมื่อดูเป็นรายประเทศแล้ว เศรษฐีร้อยล้านส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในสหรัฐอเมริกา 38%
ตามมาด้วยตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่อย่างจีนและอินเดีย หนึ่งในสามของบรรดาเศรษฐีร้อยล้านทั่วโลกอาศัยอยู่ในเมืองสำคัญ 50 เมืองทั่วโลก ซึ่ง ‘นครนิวยอร์ก’ ครองแชมป์จากการที่มีเศรษฐีร้อยล้านอาศัยอยู่ 775 คน
ทั้งนี้ ‘ดร.ยอร์ก สเตฟเฟน’ CEO ของเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส เผยว่า กลุ่มผู้ที่มีสินทรัพย์มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น สะท้อนความหมายของคำว่า ‘มหาเศรษฐี’ ในยุคนี้ได้ดีที่สุด
“โดยย้อนกลับไปไม่นานมานี้ ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ธนาคารส่วนใหญ่ถือว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐคือตัวเลขที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุสถานะนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาสินทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่นั้นมา ทำให้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานใหม่”
อย่างไรก็ตาม เมืองที่มีเศรษฐีร้อยล้านมากที่สุด อันดับ 1 คือนครนิวยอร์ก ส่วนที่ตามมาติดๆ คือ ‘ซานฟรานซิสโก’ (Bay Area) ซึ่งมีเศรษฐีร้อยล้านอยู่ 692 คน และ ‘ลอสแองเจลิส’ ที่มีเศรษฐีร้อยล้านอยู่ 504 คน
ทั้งนี้ กลุ่มมหาเศรษฐีในนครนิวยอร์กมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพียง 5% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ 11% ในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก ขณะที่ชิคาโกยังติดอันดับท็อป 10 โดยรั้งอันดับ 9 ด้วยจำนวนเศรษฐีร้อยล้าน 286 คน แต่ก็ร่วงหนักเกือบ 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
โดยรวมแล้ว สหรัฐอเมริกามี 12 เมืองใน 50 อันดับแรก โดยมีเศรษฐีร้อยล้านทั้งหมด 3,311 คน คิดเป็น 11.7% ของจำนวนเศรษฐีร้อยล้านทั่วโลก ณ เดือนมิถุนายน 2566
ในทางกลับกัน สหราชอาณาจักรมีเมืองที่ติด 50 อันดับแรกอยู่เมืองเดียว นั่นคือ ลอนดอน ซึ่งอยู่ในอันดับ 4 โดยมีเศรษฐีร้อยล้าน 388 คน คิดเป็น 1.4% ของจำนวนเศรษฐีร้อยล้านทั่วโลก กรุงลอนดอนครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งรวมความมั่งคั่งและอิทธิพลในระดับโลก แต่ก็ดูเหมือนจะถดถอยลง
ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว เมืองหลวงของสหราชอาณาจักรเคยมีเศรษฐีร้อยล้านอยู่ 406 คน ลดลง 4.4% ในเวลาเพียง 12 เดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เอเชียก็มีเมืองที่ติดอันดับสูง ๆ มากขึ้น โดยมีเมืองในเอเชีย 4 แห่งติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก และจีนแผ่นดินใหญ่มีสองเมืองที่ติด 10 อันดับแรก ดังนี้
อันดับที่ 5 ปักกิ่ง มีเศรษฐีเงินล้านอยู่ 365 คน และเซี่ยงไฮ้ในอันดับที่ 6 มีเศรษฐีเงินล้านอยู่ 332 คน สิงคโปร์ตามมาในอันดับที่ 7 โดยมีเศรษฐีร้อยล้าน 330 คน
ในขณะที่ฮ่องกง (เขตปกครองพิเศษของจีน) อยู่อันดับ 8 มีมหาเศรษฐีเงินล้าน 305 คน ส่วนปารีสและแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ อยู่ในอันดับที่ 10 โดยมีเศรษฐีร้อยล้านอาศัยอยู่ 280 คน
และจากการจัดอันดับเมืองชั้นนำ 50 แห่งนั้น พบว่าศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซของจีนอย่างหางโจว คาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้นมากที่สุดในทศวรรษหน้า โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 95% ตามมาด้วยศูนย์กลางเทคโนโลยีแห่งสำคัญอย่างเซินเจิ้น (88%)
ตามด้วยศูนย์กลางธุรกิจระดับโลกที่กำลังเติบโตอย่างริยาดในซาอุดีอาระเบีย และศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียอย่างเดลี คาดว่าจะเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 3 โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้น 85% ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงปี 2576
ขณะที่ที่เมืองหลวงทางการเงินอย่างมุมไบ คาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้น 80% ส่วนเมืองเทคโนโลยีอย่างออสตินในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้น 84% ภายในปี 2576
ดูไบซึ่งมีเศรษฐกิจที่มีชีวิตชีวาและหลากหลายนั้นตามหลังมุมไบอยู่ไม่ไกลนัก โดยคาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้น 78% ในอีก 10 ปีข้างหน้า
ตามมาด้วยศูนย์กลางการขนส่งและการค้าหลักของจีนอย่างกว่างโจว (76%) และเมืองที่แพงที่สุดในโลกอย่างโมนาโก (72%)
ตัวเลขในออสเตรเลียก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 67% ในเมลเบิร์น, 60% ในซิดนีย์ และ 57% ในเพิร์ธ
อย่างไรก็ตาม ในทางตรงกันข้าม ตัวเลขการเติบโตของจำนวนเศรษฐีร้อยล้านคาดว่าจะซบเซาเพียง 17% ในลอสแองเจลิส, 12% ในลอนดอน, 6% ในชิคาโก และเพียง 5% ในมอสโกตามลำดับ