แม่น้ำทั่วโลกแห้งขอดจากภัยแล้งรุนแรง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ปรากฏหลายพื้นที่

หลายพื้นที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภัยแล้งรุนแรง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายลดต่ำลงอย่างมาก จนรัฐบาลในหลายประเทศต้องออกคำเตือนภาวะภัยแล้ง กระทบต่อการผลิตไฟฟ้า และสร้างความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร

อย่างไรก็ตาม วิกฤตภัยแล้งได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ซึ่งเผยให้เห็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่จมอยู่ใต้น้ำมาเป็นเวลานาน เปิดโอกาสให้นักโบราณคดีและคนทั่วไปได้ศึกษาเยี่ยมชม ก่อนที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์เหล่านั้นจะจมลงสู่ใต้น้ำอีกครั้งเมื่อระดับน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ซากเรือรบสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏขึ้นกลางแม่น้ำดานูบ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของยุโรปที่ไหลผ่านหลายประเทศ และกำลังได้รับผลกระทบจากภัยแล้งรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วภูมิภาค จนทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ศตวรรษ

ซากเรือรบมากกว่า 20 ลำที่โผล่ขึ้นมากลางแม่น้ำดานูบ ใกล้กับเมืองปราโฮโว เมืองท่าสำคัญทางตะวันออกของเซอร์เบีย ส่วนหนึ่งเป็นเรือของกองทัพนาซี ที่ถูกยิงท้องเรือในขณะกำลังถอยทัพหลังจากที่ถูกกองทัพโซเวียตไล่ต้อน และได้ถูกระบุว่าเป็นซากเรือที่สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านท้องถิ่น เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางทางน้ำ ทั้งยังมีอาวุธและระเบิดจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการเก็บกู้ ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจทำให้เกิดอันตราย โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลเซอร์เบียได้เคยเปิดประกวดราคาสรรหาผู้ที่จะมาเก็บกู้ซากเรือทั้งหมด ซึ่งมีการประเมินราคาเบื้องต้นถึง 29 ล้านยูโร หรือราว 1,040 ล้านบาท

‘ดอลเมนแห่งกัวดาลเปรัล’ (Dolmen of Guadalperal) หรือที่ได้รับการขนานนามว่า สโตนเฮนจ์ของแห่งสเปน ซึ่งมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่มากกว่า 150 ก้อนที่ถูกวางล้อมเป็นลักษณะรูปไข่ ปรากฏขึ้นกลางอ่างเก็บน้ำบัลเดกานาส (Valdecanas) ที่เมืองกาเซเรส ในแคว้นเอซเตรมาดูรา (Extremadura) ทางภาคตะวันตกของสเปน หลังจากที่ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงเหลือเพียง 28%

ดอลเมนแห่งกัวดาลเปรัล สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วง 5,000 ปีก่อนคริสตกาล และถูกค้นพบครั้งแรกโดยนักโบราณคดีชาวเยอรมันในปี 1926 ก่อนจะถูกน้ำท่วมจมมิดมาตั้งแต่ปี 1963 อันเป็นผลมาจากโครงการพัฒนาพื้นที่ชนบทของนายพลฟรานซิสโก ฟรังโก ผู้นำเผด็จการของสเปน โดยที่ผ่านมาได้มีความพยายามเรียกร้องให้รัฐบาลย้ายวงหินล้อมขนาดใหญ่นี้ไปยังพิพิธภัณฑ์หรือบนพื้นที่แห้งอื่นๆ แต่ยังคงไม่เป็นผล การปรากฏขึ้นของดอลเมนแห่งกัวดาลเปรัล จึงสร้างความตื่นเต้นให้กับนักโบราณคดีซึ่งมองว่านี่เป็นโอกาสหายากที่จะได้เข้าไปทำการศึกษาในพื้นที่ก่อนที่จะจมลงสู่ใต้น้ำอีกครั้งเมื่อระดับน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่กำลังประสบกับภาวะภัยแล้งรุนแรง ทำให้แม่น้ำที่ทอดผ่านอุทยานไดโนซอร์ วัลเลย์ สเตท พาร์ค (Dinosaur Valley State Park) แห้งลง จนเผยให้เห็นรอยเท้า 3 นิ้วของไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำ  

รอยเท้าที่ปรากฏนี้คาดว่าเป็นรอยเท้าของ ‘แอโครแคนโทซอรัส’ (acrocanthosaurus) ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ ในตระกูล อัลโลซอร์ (allosauroids) ซึ่งเมื่อโตเต็มวัยอาจมีน้ำหนักมากถึง 7 ตัน และมีความสูงราว 15 ฟุต มีชีวิตอยู่ระหว่าง 112-125 ล้านปีก่อน โดยผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่ารอยเท้านี้ น่าจะมีอายุราวกว่า 113 ล้านปี และได้ชื่อว่าเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ยาวที่สุดในโลก

คลื่นความร้อนรุนแรงแผ่ปกคลุมหลายภูมิภาคของจีน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตประชาชนมากกว่า 400 ล้านคน ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบราว 150 ปี ปรากฏพระพุทธรูปโบราณที่คาดว่ามีอายุประมาณ 600 ปี โผล่ขึ้นมากลางแม่น้ำ

พระพุทธรูปหิน 3 องค์ ถูกพบบนจุดสูงสุดของแนวโขดหินฝ๋อเย่หลิง คาดว่าถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง โดยมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประทับนั่งบนแท่นดอกบัวขนาบด้วยพระพุทธรูปที่มีขนาดเล็กกว่า 2 องค์ ซึ่งจากรายงานของทางการจีนระบุว่า ระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีลดต่ำลงจากค่าเฉลี่ยช่วง 5 ปีแล้วถึง 50% ในขณะที่อุณหภูมิยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกในช่วง 1 สัปดาห์จากนี้

พระใหญ่เล่อซาน หนึ่งในมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งอยู่นอกเมืองเล่อซาน มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ปรากฏให้เห็นส่วนฐานขององค์พระอย่างชัดเจน หลังจากที่ระดับน้ำในแม่น้ำลดลง

พระใหญ่เล่อซาน เป็นพระพุทธรูปแกะสลักขนาดใหญ่ริมผาภูเขาเล่อซาน สร้างสมัยราชวงศ์ถัง ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่ 3 แม่น้ำสามสายไหลมาบรรจบกัน ได้แก่ แม่น้ำหมิ่นเจียง แม่น้ำชิงอี และแม่น้ำต้าตู้ ใช้เวลาแกะสลักนานกว่า 90 ปี