Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

กลายเป็นภาพติดตาสำหรับการ ‘ขาดทุน’ ของแพลตฟอร์มเดลิเวอรี เพราะโมเดลทุ่มทุนทำการตลาดแย่งชิงฐานผู้ใช้งาน

โดยเฉพาะกับ ‘Robinhood’ แพลตฟอร์มเดลิเวอรีที่เปิดตัวขึ้นมาในช่วงโควิดด้วยแนวคิด ‘เพื่อคนตัวเล็ก’ ด้วยนโยบายไม่เก็บค่า GP เลยแม้แต่บาทเดียว

แม้จะถือเป็น CSR ของกลุ่ม SCB X แต่ Robinhood คงไม่ทำกำไร ทำแต่ขาดทุนอย่างเดียวตลอดไปไม่ได้ และดูเหมือนฝันของ Robinhood จะเป็นการทำกำไรครั้งแรกให้ได้ภายในปี 2025 แต่ทำยังไง ทำอย่างไร TODAY Bizview ชวนอ่าน

[ ‘Mart’ กำไรจริงๆ ก้อนแรกของ Robinhood ]

หลังจากเปิดตัวแอปพลิเคชันในช่วงปลายปี 2020 ให้บริการ ‘เดลิเวอรี’ ในพื้นที่กรุงเทพฯ แบบไม่คิด GP กับพ่อค้าแม่ค้าและจ่ายค่าบริการไรเดอร์เต็มจำนวนตามแนวคิด ‘เพื่อคนตัวเล็ก’

ปัจจุบัน ‘Robinhood’ มีผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มกว่า 3.2 ล้านคน ร้านค้ากว่า 2.7 แสนร้าน ไรเดอร์กว่า 3 หมื่น และมีการสั่งซื้อมากกว่า 3 ล้านทรานเซกชันต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม ด้วยโมเดลที่ออกแบบมาให้ ‘Robinhood Food Delivery’ เป็นเหมือนกับ CSR ของ SCB จึงทำให้ธุรกิจ Food Delivery ไม่สามารถทำกำไรได้ด้วยตัวเอง

เรียกว่ามีแต่ขาดทุนอย่างเดียว ถ้าจะมีรายได้ทางเดียวจากธุรกิจเดลิเวอรี ดังนั้น Robinhood จึงมีธุรกิจอื่นในแผนอีกหลายอย่าง

หลังจากนั้นไม่นานแพลตฟอร์มจึงได้เปิดตัวบริการ ‘Robinhood Travel’ ในระยะต่อมา จนถึงปัจจุบันธุรกิจส่วนนี้มีอายุราว 4 เดือน มีโรงแรมในแพลตฟอร์มกว่า 1.6 หมื่นโรงแรมใน 71 จังหวัด

ยอดการจองเฉลี่ย 4,500 บาทต่อครั้ง รวมระยะทางการเดินทางของผู้ใช้แพลตฟอร์มแล้วมากกว่า 4 ล้านกิโลเมตร

แต่แม้ว่าโมเดลธุรกิจของ ‘Robinhood Travel’ จะออกแบบมาให้สามารถทำกำไรได้ แต่นโยบายเพื่อคนตัวเล็กเช่นเดิม ทำให้ Robinhood เลือกไม่เก็บค่าคอมมิชชัน แตกต่างกับ OTA (Online Travel Agent) เจ้าอื่นๆ ในตลาด

จึงทำให้ผู้บริหารบอกว่า ‘Robinhood Travel’ เองก็ไม่ได้สามารถกำไรเป็นถุงเป็นถัง แต่เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างจะเท่าทุน

ไม่แปลกที่ Robinhood จะเตรียมตัวเดินหน้าธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาวให้แพลตฟอร์มสามารถยืนด้วยตัวเองได้

คำถาม คือ แล้ว Robinhood เตรียมจะทำอะไรบ้าง เพื่อหารายได้จริงๆ เข้าสู่แพลตฟอร์มบ้าง

แม้จะมีแผนในไปป์ไลน์อยู่หลายอย่าง แต่บริการแรกที่ Robinhood ดันออกมาทำกำไรก้อนแรก คือ

บริการ ‘Robinhood Mart’ หรือบริการสั่งซื้อสินค้า ของสด ของใช้ จากร้านค้าต่างๆ กว่า 4,000 ร้านค้า

โดยชูจุดเด่นเก็บ GP ต่ำที่สุดในตลาดไม่เกิน 15% ขณะที่ตลาดจะเก็บ GP ระหว่าง 25-32%

รวมถึงดึงร้านค้าที่ไม่มีในแพลตฟอร์มอื่นๆ อย่างเช่น HomePro หรือ EVEANDBOY เข้ามาให้บริการ

ในช่วงทดลองบริการ soft launch ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ‘Robinhood Mart’ มียอดสั่งซื้อสินค้ามากกว่า 10,000 ออเดอร์ ยอดสั่งซื้อต่อออเดอร์เฉลี่ย 280 บาท

สินค้าที่ได้รับความนิยมใน Robinhood Mart คือ ผักสวนครัว เนื้อสัตว์ และยาตามลำดับ

ช่วงพีคจะอยู่ในวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ เวลาพีค คือ 11.00-15.00 น. จึงช่วยเติมงานให้กับไรเดอร์ของ Robinhood ในช่วงนอกเวลาส่งอาหาร

นอกจากนั้น ภายในปี 2023 ‘Robinhood Mart’ ตั้งเป้าหมายจะมีผู้ประกอบการและแบรนด์เข้าร่วมบนแพลตฟอร์มกว่า 10,000 ราย มียอดขายบนแพลตฟอร์ม (GMV) กว่า 500 ล้านบาท

มียอดออเดอร์เฉลี่ย 4,000 ออเดอร์ต่อวัน และมียอดสั่งซื้อต่อออเดอร์โดยเฉลี่ยประมาณ 300 บาท

หรืออาจจะเรียกได้ว่า ‘Robinhood Mart’ จะสร้างกำไรจริงๆ ก้อนแรกอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยให้กับ Robinhood แต่ถึงอย่างนั้นในภาพรวมแพลตฟอร์มก็จะยังคงขาดทุนจากธุรกิจเดลิเวอรีอยู่

[ ฝันไกลของ Robinhood 2.0 ]

ผู้บริหารของ Robinhood ยังพูดถึงการเดินทางของ Robinhood ว่าปัจจุบัน Robinhood 1.0 ก่อร่างสร้างตัวใกล้จะเสร็จแล้ว

โดยมี Food Delivery เป็นตัวสร้างฐานผู้ใช้ มีบริการ Travel และ Mart เข้ามาสร้างรายได้และกำไร

ส่วน Robinhood 2.0 ที่จะเกิดขึ้นต่อไปอยู่ระหว่างเตรียมนำเข้าบอร์ดบริหารของ SCB เพื่อขอความเห็นชอบและงบประมาณในการเดินหน้าต่อ 4-5 พันล้านบาท (อาจมีการระดมทุนเพิ่มเติม)

โดยคาดว่า ถ้าเป็นไปตามแผนในปี 2025 จะเริ่มเห็นกำไรรวมของแพลตฟอร์มเป็นครั้งแรก

จาก 3 ธุรกิจที่จะเป็นท็อปของแพลตฟอร์ม อย่างแรก คือ ธุรกิจเรียกรถ อย่างต่อมา คือ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และอย่างสุดท้าย คือ ธุรกิจเดลิเวอรี มาร์ท เอ็กซ์เพรส รวมๆ กัน

[ ธุรกิจเรียกรถ กับ ผู้เข้าแข่งขันแค่ 2 ราย ]

โดยธุรกิจแพลตฟอร์มเรียกรถหรือ Ride Hailing อย่าง ‘Robinhood Ride’ แพลตฟอร์มเรียกรถ (Transportation Platform) และบริการรับ-ส่งของ (Express Service) เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของ ‘ฝันไกล’ สู่การสร้างกำไรแบบยั่งยืนให้กับแพลตฟอร์ม

เนื่องจาก Robinhood ดูเหมือนจะมองว่า ในประเทศไทยนอกจาก Grab แล้ว ก็ไม่มีผู้เล่นอื่นๆ ที่ทุ่มทุนกับธุรกิจ Ride Hailing

และมีเพียงแค่ Grab กับ Robinhood เท่านั้นที่มีใบอนุญาตจากกรมขนส่งอย่างถูกต้อง

โดย Robinhood เชื่อว่า ราคาในตลาดจะถูกลงจากการควบคุมของกรมขนส่งทางบก

รวมถึง Robinhood จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหาด้านการเรียกรถได้อย่างสม่ำเสมอและความปลอดภัย เพราะต่อไปการแข่งขันในตลาด คือ แข่งมีรถมารับเร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุด

‘Robinhood Ride’ จะสามารถเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ตั้งเป้าจบปีจะมี 3.5 หมื่นคัน

[ ธุรกิจ EV ในโมเดลปล่อยเช่า-ให้กู้ ]

หลายๆ คนอาจจะแปลกใจที่ได้เห็น ‘ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า’ เป็นหนึ่งในแผนของ Robinhood

แต่จริงๆ แล้ว ปัจจุบัน Robinhood จับมือกับพันธมิตรสองเจ้า นำจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาปล่อยเช่าให้กับไรเดอร์อยู่แล้ว 400-500 คัน โดยมียอดจองรออยู่กว่าพันคัน

ขณะเดียวกัน ธุรกิจ EV เป็นเมกะเทรนด์ของโลก และผู้ให้บริการในไทยหลายๆ เจ้าเริ่มให้บริการเช่า-เช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว และมีดีมานด์ที่สูงกว่าซัพพลายจนถึงตอนนี้

หากในอนาคตถ้าราคารถยนต์ EV ลดลงมาถึง 9 แสนบาทก็จะสามารถนำมาทำโมเดลปล่อยเช่าได้คุ้มทุนมากขึ้น โดยเชื่อว่าในปีหน้าจะได้เห็นราคา EV ปรับลงมาอีกอย่างแน่นอน

โดย Robinhood มองโอกาสทั้งในการปล่อยเช่าและปล่อยกู้ซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งสำหรับไรเดอร์ในแพลตฟอร์มและบุคคลทั่วไปด้วย ตั้งเป้าในปี 2025 อยากมี EV ให้บริการรวมกันกว่า 3 หมื่นคัน

ด้านการแข่งขันในตลาด ‘ธนา เธียรอัจฉริยะ’ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด อธิบายว่า ปัจจุบันกลุ่มทุนส่วนใหญ่ไม่นิยมใส่ทุนจำนวนมากๆ เพื่อตัดราคาดึงดูดฐานลูกค้าแล้ว เพราะปัจจุบันการระดมทุนก็เงียบลงมาก

สำหรับธุรกิจสร้างฐานลูกค้าอย่าง Food Delivery จะยังไม่ขยายไปต่างจังหวัดเร็วๆ นี้ จะยังคงเน้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และหัวเมืองท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของลูกค้า Robinhood ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนเมืองที่มีกำลังจ่าย เพราะการขยายสู่ต่างจังหวัดไม่คุ้มทุนและรายได้

รายได้ของ Food Delivery มีจากรายได้ทางการโฆษณาแล้ว 50 ล้านบาทในปีนี้ คาดว่าปีหน้าน่าจะสามารถขยับไปถึง 100 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการปล่อยสินเชื่อยังไม่ได้ประเมิน เนื่องจากพึ่งเริ่มต้น คาดว่าจะเริ่มเห็นกำไรของธุรกิจนี้ได้ในอีก 5-6 ปีข้างหน้า โดยไม่เก็บ GP จากร้านค้าเช่นเดิม

ผู้บริหารบอกว่า “Robinhood ไม่ใช่ Food แต่คือล้อ” เพราะ Robinhood เตรียมจะทำอีกหลายอย่างตามแผน เพื่อเป็น ‘Super App สัญชาติไทย’ ที่สามารถแข่งขันและเติบโตได้ในระดับภูมิภาคต่อไป (Regional Player) แต่จะทำได้จริงหรือไม่ เราคงต้องดูไปพร้อมกัน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า