ไม่ใช่แค่ฟู้ดเดลิเวอรี่อีกต่อไป ‘โรบินฮู้ด’ ให้จองที่พักได้แล้ว ไม่เก็บค่าคอมฯ

ถ้าพูดถึง ‘โรบินฮู้ด’ เชื่อว่าที่ผ่านมาเราอาจรู้จักแอปนี้ในฐานะ ‘ฟู้ดเดลิเวอรี่’ ที่มีจุดเด่นหลักๆ คือ ไม่เก็บค่า GP จากร้านค้า และมีร้านเล็กๆ ใกล้บ้านให้เราได้อุดหนุน

แต่วันนี้ต้องบอกว่าแพลตฟอร์มส่งอาหารจากเครือ SCB รายนี้ กำลังก้าวไปอีกขั้น

เพราะล่าสุดเปิดให้บริการจอง ‘ที่พัก’ ได้แล้ว โดยมีชื่อฟีเจอร์ว่า ‘โรบินฮู้ด ทราเวล’

ชูจุดเด่นเหมือนเดิมคือ “ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่น” จากผู้ประกอบการ ซึ่งในที่นี้ก็คือโรงแรมต่างๆ นั่นเอง

ถามว่าทำไมแอปส่งอาหารถึงมาเปิดให้บริการจองที่พักได้?

‘ธนา เธียรอัจฉริยะ’ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาแอปโรบินฮู้ด บอกในงานแถลงข่าววันนี้ (9 พ.ค. 2565) ว่า จุดเริ่มต้นของโรบินฮู้ดเกิดขึ้นจากความต้องการที่จะช่วยเหลือ “คนตัวเล็ก” ให้มีโอกาสขายได้มากขึ้น และฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้

นำมาสู่การเป็นแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่รายเดียวที่ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่น หรือค่า GP จากร้านค้า

จนตลอด 20 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดตัว โรบินฮู้ดได้รับการตอบรับที่ดีมาก เห็นได้จากตัวเลขความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น

-จำนวนไรเดอร์มากกว่า 30,000 คน

-ลูกค้ากว่า 2.8 ล้านคน

-ทรานแซคชั่นต่อเดือนมากกว่า 4.8 ล้านทรานแซคชั่น

-ร้านอาหารที่เข้ามาอยู่ในแอปมีมากกว่า 280,000 ร้าน

และที่น่าสนใจคือ เปิดตัวมาแค่ 20 เดือน โรบินฮู้ดขึ้นแท่นฟู้ดเดลิเวอรี่อันดับ 2 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และนนทบุรี ไปเรียบร้อยแล้ว

แต่เมื่อ “การท่องเที่ยว” เป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทำให้โรบินฮู้ดอยากต่อยอดการช่วยเหลือคนตัวเล็กจากในธุรกิจอาหารไปสู่วงการการท่องเที่ยว

ด้วยการให้บริการจองที่พักแบบไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นจากโรงแรม ซึ่งปกติการอยู่บนแพลตฟอร์มอื่นจะเก็บค่าคอมฯ ราวๆ 20-30%

ธนาบอกว่า ช่วงนี้เริ่มมีสัญญาณว่าการท่องเที่ยวเริ่มกลับมา จากยอดจองที่พักในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาที่กลับมาสู่ระดับ 75% ของช่วงก่อนโควิด

แสดงให้เห็นว่าคนไทยโหยหาและคิดถึงการท่องเที่ยวแค่ไหน การเปิดตัวบริการในช่วงนี้ ก็จะช่วยตอบโจทย์และเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคได้

และเป้าหมายของโรบินฮู้ดก็ไม่ได้อยากที่จะชนะแพลตฟอร์มต่างชาติ แต่อยากเป็นตัวบาลานซ์ และสร้างอำนาจต่อรองให้ผู้ประกอบการไทยได้มากขึ้น

โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับบริการจองที่พักของโรบินฮู้ด ก็คือลูกค้าที่ใช้โรบินฮู้ดอยู่แล้ว

เขาบอกว่าลูกค้าโรบินฮู้ดเป็นกลุ่มคนมีเงิน

คือ 49% เป็นกลุ่มรายได้สูง เงินเดือนมากกว่า 30,000 บาทขึ้นไป

ยอดใช้จ่ายต่อออเดอร์เฉลี่ยมากกว่า 200 บาท ขณะที่แอปอื่นอยู่ที่ 100 กว่าบาท

การมีฟีเจอร์ “โรบินฮู้ด ทราเวล” อยู่บนแอปโรบินฮู้ด ก็คือการพยายามที่จะพากลุ่มคนที่แข็งแรงทางการเงิน ออกไปใช้จ่ายในเรื่องท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจได้นั่นเอง

ถามว่าอะไรที่จะทำให้คนจองที่พักผ่านโรบินฮู้ด

ธนาบอกว่า หลักๆ เลยคงเป็น ‘ดีล’

ที่หลักๆ เลยคือเมื่อจองที่พักผ่านโรบินฮู้ด ทราเวล จะได้โค้ดส่วนลดฟรีค่าส่งอาหารสูงสุด 20 ครั้ง ในระยะทางไม่เกิน 30 กิโลเมตร ตอกย้ำแนวคิด “เรื่องกินเรื่องเที่ยว เรื่องเดียวกัน” ที่เป็นจุดที่คนอื่นไม่มี

และตอนนี้ก็ยังมีดีลพิเศษส่วนลด 50% สำหรับที่พักแบบพูลวิลล่า ตั้งแต่วันที่ 10-31 พ.ค. 2565 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด (มีทั้งหมด 800 สิทธิ์)

ซึ่งนี่เป็นแค่ดีลเริ่มต้นเท่านั้น และต่อไปก็จะมีดีลใหม่ๆ มาให้เห็นอีก

ธนา เธียรอัจฉริยะ และ สีหนาท ล่ำซำ

‘สีหนาท ล่ำซำ’ ซีอีโอ บอกว่า นอกจากเรื่องไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นแล้ว จุดเด่นของโรบินฮู้ด ทราเวล ก็คือการมีคอลเซ็นเตอร์พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจุดที่แพลตฟอร์มจองที่พักอื่นไม่มี

นอกจากนี้ยังมีเพลย์ลิสต์ท่องเที่ยว และคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากออกไปเที่ยวอีกเพียบ

สีหนาทบอกว่า หลังจากเตรียมความพร้อมมากว่า 6 เดือน ตอนนี้มีโรงแรมที่พักระดับ 3-5 ดาว (ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตรงกับจริตลูกค้าโรบินฮู้ด) ให้บริการแล้วกว่า 1.6 หมื่นแห่ง ครอบคลุม 71 จังหวัดทั่วประเทศ

และในช่วงนี้ที่เป็นช่วง Soft Launch ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะจองที่พัก แต่ในสเต็ปถัดไปโรบินฮู้ด ทราเวล จะมีทั้งบริการให้จองกิจกรรม/ทัวร์, เช่ารถ และจองตั๋วเครื่องบินได้

ส่วนเป้าหมายในปีนี้ ตั้งไว้ว่า

-มีธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยวเข้าร่วมบนแพลตฟอร์มกว่า 30,000 ราย ทั่วประเทศ

-มีจำนวนลูกค้าผู้ใช้งานกว่า 200,000 ราย

-มีทริปเกิดขึ้นจากแพลตฟอร์มกว่า 300,000 ทริป

-ขึ้นเป็นแพลตฟอร์ม TOP 3 ของไทย

-ช่วยผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่ายจากค่าคอมมิชชั่นได้กว่า 200 ล้านบาท

-สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้กว่า 1 พันล้านบาท

แต่มากไปกว่านั้นและที่ต้องติดตาม คือ โรบินฮู้ดตั้งเป้าว่า ก.ค. นี้จะเปิดให้บริการ Mart Service หรือบริการสั่งซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ต/ร้านค้า

ไตรมาส 3 จะให้บริการรับ-ส่งของ (Express Service) และไตรมาส 4 จะให้บริการ Ride- Hailing หรือบริการเรียกรถ

เพื่อเดินหน้าสู่การเป็น ‘ซูเปอร์แอปสัญชาติไทย’ ให้ได้นั่นเอง