ผลวิจัยคาดหุ่นยนต์จะแย่งงานมนุษย์ “20 ล้านตำแหน่ง” ในอีก 11 ปีข้างหน้า

(แฟ้มภาพ) ผู้เยี่ยมชมถ่ายภาพหุ่นยนต์มนุษย์ขนาดเท่าตัวจริงของ Kawasaki ที่การประชุม World Robot Summit ที่โตเกียว เมื่อปี 2018 จุดสนใจอยู่ที่หุ่นยนต์ที่สามารถส่งมอบสินค้า ซื้อของและสร้างบ้านได้ (ภาพโดย: Behrouz MEHRI / AFP)

สำนักข่าวซินหัว รายงานเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.62 ว่า ออกส์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ (Oxford Economics) ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจจากประเทศอังกฤษ เผยแพร่งานวิจัยซึ่งระบุว่า รัฐเซาท์ออสเตรเลีย (South Australia – SA) จะเป็นรัฐที่แรงงานมนุษย์ได้รับผลกระทบจากหุ่นยนต์อัตโนมัติมากที่สุด โดยหุ่นยนต์สามารถแทนที่แรงงานด้านการผลิตได้มากกว่า 20 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030

รัฐเซาท์ออสเตรเลีย เป็นรัฐที่มีตำแหน่งงานด้านการผลิตมากที่สุดและมีเศรษฐกิจที่เติบโตช้าที่สุด จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากแรงงานหุ่นยนต์อัตโนมัติที่จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในอนาคต

“ผลกระทบของการสูญเสียตำแหน่งงานให้กับหุ่นยนต์อัตโนมัตินั้น จะส่งผลกับทั้งแรงงานมนุษย์และธุรกิจในทั่วประเทศ โดยผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มแรงงานทักษะต่ำและธุรกิจท้องถิ่นที่มีทุนต่ำ” เอเดรียน คูเปอร์ ประธานบริหาร ออกส์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซี (Australian Broadcasting Corporation – ABC)

“นอกจากนี้ การเข้ามามีบทบาทของหุ่นยนต์อัตโนมัติยังจะทำให้ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและสังคมทวีความรุนแรง จากการว่างงานและเงินเดือนที่ไม่เท่าเทียม ในช่วงเวลาเดียวกับการแบ่งขั้วทางการเมืองรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเป็นกระแสที่น่ากังวลอยู่แล้วในปัจจุบัน” คูเปอร์กล่าว

รายงานใช้ “ดัชนีความเปราะบางต่อหุ่นยนต์” (Robot Vulnerability Index) เพื่อจัดอันดับความเปราะบางหากต้องเจอการแย่งงานโดยหุ่นยนต์ของภูมิภาคต่างๆ ในประเทศออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐฯ และอังกฤษ โดยรัฐเซาท์ออสเตรเลียมีคะแนนสูงสุดของประเทศ อยู่ที่ 0.42 ซึ่งเป็นตัวเลขที่วัดจากอัตราการพึ่งพิงการผลิตของท้องถิ่น ความพร้อมของอุตสาหกรรมท้องถิ่นสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และผลผลิตของธุรกิจท้องถิ่น

รัฐวิคตอเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่การเจริญเติบโตรวดเร็วที่สุดของประเทศ มีความเปราะบางอยู่ที่อันดับ 2 ด้วยคะแนน 0.39

“เมลเบิร์นและบริเวณใกล้เคียงมีฐานการผลิตที่หลากหลาย แม้จะมีบางแห่งที่ถูกลดความสำคัญลงเมื่ออุตสาหกรรมด้านบริการเติบโตขึ้นก็ตาม” รายงานระบุด้วยว่า “อัตราการผลิตของรัฐวิคตอเรียสูงกว่ารัฐเซาท์ออสเตรเลีย”