Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เราต่างปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความไม่แน่นอนของเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสภาวะด้านสาธารณสุขที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือที่ใครๆ ต่างเรียกว่า VUCA World นั้น ได้ทำให้เด็กและเยาวชนจำนวนมากที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้ ต้องเผชิญกับปัญหาปรับตัวไม่ทัน เกิดการบาดเจ็บทางจิตใจ เพราะมีความกังวล ความเศร้าใจ และความรู้สึกไม่มั่นคง สะสมไว้มากเกินไป จนผู้ปกครองต้องพาไปเข้ารับการบำบัดรักษา หรือบางครั้งก็สายเกินแก้ และจบลงด้วยเหตุการณ์น่าเศร้า

ทว่าเมื่อมองตามความเป็นจริงแล้ว การบำบัดเด็กและเยาวชน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ ที่อาจไม่ได้ทำให้ปัญหาเหล่านั้นหายไปอย่างถาวร และอาจทำให้พวกเขาพลาดโอกาสที่จะเติบโตตามปกติเหมือนเพื่อนคนอื่น ดังนั้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตั้งแต่วัยเยาว์ จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนซึ่งทำงานด้านเด็กปฐมวัยกำลังร่วมกันผลักดัน เพื่อช่วยให้เด็กและเยาวชนเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์พร้อม ท่ามกลางโลกที่มีความผันผวนสูง

รู้จัก ‘โรงเรียนในภูเขา’ ทางออกของการพัฒนาเด็กสู่โลกยุคใหม่

“ระบบการศึกษา” คือสิ่งสำคัญที่หลายคนในแวดวงเด็กปฐมวัยลงความเห็นว่าต้องเปลี่ยน เพราะมีหน้าที่หล่อหลอมเด็กๆ ฉะนั้นถ้าหากต้องการพัฒนาเด็กให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาได้ การศึกษาก็ควรต้องเปลี่ยนไปด้วย เมื่อ 4 ปี ที่แล้ว นายอนุพันธุ์ พฤกษ์พันธ์ขจี หรือครูมอส จึงก่อตั้ง “โรงเรียนในภูเขา” ณ ดอยหลวงเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้แบบใหม่ขึ้น คือ หลักสูตรที่ช่วยดึงสิ่งที่อยู่จิตวิญญาณของเด็กออกมา เพื่อสร้างความสมดุล ผ่าน “ศิลปะด้านใน” กิจกรรมที่จะทำให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติของตัวเด็กเอง และสัมผัสกับธรรมชาติรอบๆ ตัว เช่น วาดภาพสีน้ำ ปั้นดิน ร้องเพลง จัดดอกไม้ เดินป่า ทำอาหาร เป็นต้น ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ศิลปะไม่ได้มีแค่การวาดรูป แต่คือสิ่งที่อยู่ในชีวิตของทุกคน ผ่านการแสดงออกตามบริบทต่างๆ ในชีวิตประจำวัน”

ที่นี่จะสอนให้เด็กใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด ใจเย็น ใช้ความคิดให้น้อยลง และรู้จักตัวเองมากขึ้น โดยเริ่มจากการนำเรื่องง่ายๆ อย่างการวาดรูประบายสีน้ำ มาเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อน คือ ปล่อยให้เด็กวาดรูปไปตามธรรมชาติ ตามสัญชาตญาณ ไม่ต้องมีโจทย์ หรือมีใครมากำหนดกฎเกณฑ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กเติบโตอย่างมีอิสระ จากนั้นจึงค่อยๆ จูนให้เด็กสนใจสีผ่านบทกวีสี ที่นำสีต่างๆ มาเจอกัน และทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อไปตามวัย

ซึ่งต่างจากหลักสูตรของโรงเรียนทั่วไปที่เน้นผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ การสอบแข่งขัน และอาจไม่มีความพร้อมที่จะเยียวยาฟื้นฟูจิตใจของเด็ก โรงเรียนในภูเขาจึงเรียกได้ว่าเป็นความหวังใหม่สำหรับหลายครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กโดยตรง

ต้นแบบที่ทำให้เห็นว่าเป็นจริงได้จากการสนับสนุนของ สสส.

แม้ว่าการก่อตั้งโรงเรียนในภูเขา จะเป็นการจุดประกายให้หลายคนเห็นทางออกในการช่วยเหลือและพัฒนาเด็กๆ ให้พร้อมเผชิญ VUCA World อย่างยั่งยืน แต่ประกายนั้นอาจจะไม่มีโอกาสเผยแพร่สู่สังคมเป็นวงกว้าง หรือเป็นแรงผลักดันในการสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในอนาคตได้ หากไม่มีการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างสุขภาวะให้เด็กและเยาวชน

นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของการสนับสนุนโรงเรียนในภูเขา ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ศิลปะ : โรงเรียนในภูเขา นิทรรศการศิลปะเด็กที่พาความเปลี่ยนแปลง เมื่อไม่นานมานี้ว่า เริ่มจากการที่ สสส. เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิตที่เด็กๆ พบเจอมาอย่างยาวนาน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจึงได้มีการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการสร้างเสริมสุขภาวะทั้ง 4 มิติ ได้แก่ สุขภาวะทางกาย จิต ปัญญา และสังคม เพื่อให้เด็กเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมบูรณ์

โดยในปี 2560 สสส. ได้ริเริ่มโครงการศิลปะด้านในเพื่อพัฒนาสุนทรียภาพสำหรับผู้ทำงานด้านเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นโครงการที่นำศิลปะมาเป็นเครื่องมือทำงานร่วมกับกลุ่มคนใกล้ชิด และมีส่วนสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งทางใจให้กับเด็ก ทั้งครอบครัว โรงเรียน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพราะเชื่อมั่นว่าพลังของศิลปะว่าสามารถช่วยปูพื้นฐานจิตใจให้เด็กมีสุขภาพจิตที่ดี จากการมองเห็นความงดงามในตัวเอง และเมื่อเด็กมีสุขภาพจิตที่ดีแล้ว ย่อมส่งผลให้เด็กอยากเรียนหนังสือ ไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา อีกทั้งยังป้องกันปัญหาพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในครอบครัว

หลังจากนั้น สสส. ได้พยายามมองหาแนวทางอื่นเพิ่มเติมอีก เพื่อทำให้ผู้คนรอบตัวเด็กมีความเข้าใจ และมีศักยภาพที่จะทำให้เด็กของตัวเองถูกพัฒนาให้อิ่มเอมใจจากข้างในมากขึ้น ซึ่งก็คือ “โรงเรียนในภูเขา” ที่มีแนวคิดสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของสสส. ดังนั้น เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว จึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายจากโครงการศิลปะด้านใน เพื่อให้การสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียน และพัฒนาให้เป็นพื้นที่ต้นแบบที่ผู้ปกครองโรงเรียน หรือชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศ สามารถนำไปปรับใช้กับเด็ก ๆ ในการดูแลของตนเองได้

“โรงเรียนทั่วๆ ไป ทำให้เด็กต้องแข่งขันอยู่ตลอดเวลา และมักจะไม่ได้มีความพร้อมที่จะเยียวยาฟื้นฟูเด็ก ดังนั้นเมื่อเด็กเกิดบาดเจ็บทางใจขึ้นมา บางครั้งอาจต้องหยุดเรียน หรือหลุดออกจากระบบการศึกษาไป แต่โรงเรียนในภูเขาจะเป็นโรงเรียนสาธิต ที่แสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กพัฒนาจากข้างใน มีสุขภาวะที่ดีครบถ้วนทั้งกาย จิต ปัญญา และการอยู่ในสังคมที่ดี จะทำให้เด็กพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ดี”

ด้าน นายอนุพันธุ์ พฤกษ์พันธ์ขจี ครูใหญ่โรงเรียนในภูเขา ผู้มีประสบการณ์ด้านการศึกษาปฐมวัย และศิลปะบำบัดแนวมนุษยปรัชญา มายาวนานหลายสิบปี ให้ความเห็นว่า ระบบการศึกษาของบ้านเราไม่ค่อยจะสมบูรณ์ตั้งแต่แรก เด็กต้องอยู่กับการแข่งขันด้านวิชาการ ขณะเดียวกัน วิชาศิลปะที่เดิมทีควรจะเป็นวิชาแห่งการบำบัดจิตใจก็ถูกตีกรอบ ครูศิลปะต้องสอนทั้งวาดภาพและรำไทย ทำให้เด็กไม่เต็มอิ่มกับการเรียนเท่าที่ควร แต่ตนจะไม่พูดอย่างเดียว ตนจะลงมือทำ ด้วยการทำโรงเรียนให้ดู แล้วส่งสารออกไปให้ทุกคนเห็นว่าการเรียนแบบนี้เป็นอย่างไร

ซึ่งนอกจากที่นี่จะช่วยพัฒนาสุขภาวะเด็กแล้ว ยังเป็นแหล่งอบรมรมครูและผู้ที่ทำงานเดี่ยวกับเด็กด้วย เสมือนเป็นโรงเรียนสาธิตที่เปิดกว้างให้ทุกคนเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง

“ปัญหาการบาดเจ็บทางจิตใจของเด็กที่กำลังจะก้าวสู่วัยรุ่นเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว พอเรากลับไปดูก็พบว่ามันเกิดขึ้นเพราะพื้นฐานการศึกษา หลายโรงเรียนในต่างประเทศที่เขาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาวะเด็ก ก็จะมีระบบการเรียนรู้ที่พัฒนาเด็กตั้งแต่เล็กๆ หรือ Kindergarten ที่ให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย ซึ่งตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ สสส. และโรงเรียนในภูเขา มาคุยกันว่าเราต้องช่วยกันพูดและทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะเชื่อว่าเด็กที่ได้สัมผัสกับความงามของศิลปะและธรรมชาติ เขาจะอยู่ในวิถีที่งดงามไปจนโต”

ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านงานศิลป์

เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพการดำเนินงานที่ชัดเจนของโรงเรียนในภูเขา สสส. ได้จัดงานฉาย ภาพยนตร์: โรงเรียนในภูเขา จากฝีมือการกำกับของจรรสมณฑ์ ทองระอา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อบอกเล่าเรื่องราวระหว่างครูกับเด็กวัยเรียน ที่มาเรียนรู้ศิลปะร่วมกันตลอดหนึ่งฤดูกาล ผ่านบรรยากาศอันอบอุ่น เรียบง่าย และงดงาม ในรูปแบบสารคดี และนำเสนอให้สังคมเห็นถึงรูปแบบการจัดทำหลักสูตรพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เพื่อฟื้นฟูพลังให้แก่เด็ก และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างเสริมสุขภาวะที่รอบด้าน ป้องกันไม่ให้เด็กออกจากระบบการศึกษา รวมถึงเป็นโมเดลการเรียนรู้ให้ครู และผู้ปกครองที่สนใจนำไปปรับสร้างให้เกิดเป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชนของตนเองได้

โดยในภาพยนตร์ เน้นถ่ายทอดความเป็นธรรมชาติของเด็ก ที่มาจากต่างถิ่นที่อยู่อาศัย มาจากครอบครัวที่มีฐานะต่างกัน ทั้งเด็กชายขอบ ตลอดจนเด็กต่างชาติที่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ แต่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างสนุกสนาน ภายใต้การดูแลของครูที่มีความรู้ความเข้าใจในด้านศิลปะบำบัด และพัฒนาของเด็ก ทำให้ทุกสถานที่ที่ไปเรียนรู้ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม ประกอบกับธรรมชาติของสิ่งแวดล้อม ทั้งต้นไม้ ป่า ภูเขา ลำธาร และผู้คนในดอยหลวงเชียงดาว ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ ไม่กลัวเลอะ หรือกลัวเจ็บแต่อย่างใด ทำให้เห็นว่ากระบวนการทำงานศิลปะ เป็นต้นทุนสำคัญต่อการใช้ชีวิต ช่วยแก้ปัญหาในครอบครัวของเด็กได้

นอกจากนี้ ในวันเดียวกันกับที่ฉายภาพยนตร์ ยังมีการจัดนิทรรศการศิลปะเด็กที่พาความเปลี่ยนแปลงด้วย โดยมีผลงานศิลปะของเด็กจากโรงเรียนในภูเขามาจัดแสดงมากมาย

พร้อมทั้งมีกิจกรรมให้เด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง และผู้ที่สนใจได้เข้าร่วม ผ่านการดูแลของครูและนักจิตวิทยา เพื่อทำความเข้าใจกับการเสริมสร้างดูแลเด็กที่กำลังเติบโต ให้เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน และการเรียนรู้ผ่านธรรมชาติของเด็กที่พูดถึงร่างกาย หัวใจ และจิตวิญญาณแบบ Soul Exercise อาทิ การจัดดอกไม้ การวาดภาพสีขี้ผึ้งป่า และการเล่านิทาน

สสส. และการร่วมมือกับโรงเรียนในภูเขาในอนาคต

สำหรับความตั้งใจในอนาคตที่ สสส. และเครือข่ายศิลปะด้านในจะทำร่วมกับโรงเรียนในภูเขา คือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่จะช่วยให้ศิลปะด้านในได้กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทำให้ผู้คนได้เห็นความหลากหลายของการเรียนรู้ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากความเครียด ความเศร้าใจ ความกดดัน และอาการบาดเจ็บทางใจ ที่จะสร้างภาวะซึมเศร้าในอนาคต ดั่งคำพูดที่ว่า “ศิลปะด้านใน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนไปถึงข้างนอก”

 “โรงเรียนในภูเขา” ได้ทำเราเห็นว่าศิลปะเป็นมากกว่าวิชาเรียน ที่ใดนำศิลปะมาปรับใช้กับการพัฒนาเด็กๆ ได้อย่างถูกวิธี ที่นั่นจะเป็นพื้นที่แห่งความรัก ที่ช่วยสร้างโลกอันสวยงาม และช่วยเติมเต็มชีวิตของเด็กและเยาวชน ให้พร้อมก้าวสู่โลกแห่งความเปลี่ยนแปลง

ติดตามความเคลื่อนไหวของการร่วมมือในครั้งนี้ได้ที่เฟซบุ๊ก โรงเรียนในภูเขา และ ศิลปะด้านใน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า