กองทัพเรือเผยอากาศยานตรวจพบคราบน้ำมันในทะเลใกล้จุดเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เร่งตรวจสอบและประเมินผลกระทบเพื่อเตรียมการขจัดคราบน้ำมัน ส่วนร่างที่พบใกล้เรือหลวงสุโขทัยเมื่อค่ำวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ขณะนี้กำลังรอพิสูจน์อัตลักษณ์
กองทัพเรือทวิตข้อความ สรุปการช่วยเหลือกำลังพลหลังเรือสุโขทัยอับปาง โดยเป็นการสรุป ณ เวลา 23.30 น. ของวันที่ 23 ธ.ค. 65 ว่าช่วยได้แล้ว 76 นาย (กลับบ้าน 62 นาย/อยู่โรงพยาบาล 14 นาย) เสียชีวิต 7 นาย (รอพิสูจน์อัตลักษณ์ 1 นาย) และยังมีกำลังพบรอการช่วยเหลืออีก 22 นาย
โดยก่อนหน้านั้นพลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ได้สรุปการปฏิบัติภารกิจการค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 65 กองทัพเรือ ได้จัดกำลังทางเรือ ประกอบด้วย เรือหลวงตากสิน เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงนราธิวาส เรือ ต.114 เรือ ต.270 เข้าร่วมการค้นหา นอกจากนั้นยังได้ส่ง ยานล่าทำลายใต้น้ำและชุดถอดทำลายอมภัณฑ์ จากเรือหลวงบางระจัน เร่งทำการสำรวจเพื่อพิสูจน์ทราบ ในบริเวณที่เรือจม และมี รายงานว่าเมื่อเวลา 16.15 น.เรือหลวงบางระจันได้พบร่างมนุษย์ลอยน้ำบริเวณที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางโดยในเวลา 16.30 น. ได้นำร่างขึ้นเรือและเดินทางกลับเข้าท่าเรือบางสะพานโดยมีกำหนดถึงท่าเรือสะพานในเวลา 19.00 น. โดยจะนำร่างดำเนินการส่ งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป
พลเรือเอก ปกครองยังกล่าวอีกว่า ได้รับรายงานจากการลาดตระเวนของเรือและอากาศยานว่า ได้มีการตรวจพบคราบน้ำมันลอยขึ้น 3 จุด จุดแรกบริเวณเรือสุโขทัยอับปางขนาดความยาวคราบน้ำมันประมาณ 1 ไมล์ จุดที่ 2 แลต 10 องศา 56.8 ลิปดาเหนือ ลอง 99 องศา 55.36 ลิปดาตะวันออก ขนาดความยาวประมาณ 0.5 ไมล์ และจุดที่ 3 บริเวณ แลต 10 องศา 53.17 ลิปดาเหนือ ลอง 99 องศา 55.97 ลิปดาตะวันออก ขนาดความยาวประมาณ 0.2 ไมล์ โดยในขณะนี้ กองทัพเรือ ได้จัดเรือและอากาศยาน ทำการลาดตระเวนและเฝ้าติดตามการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมการในการขจัดคราบน้ำมันต่อไป
ทั้งนี้ ในปัจจุบันคลื่นลมในทะเลในพื้นที่อ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง เรือขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถออกทะเลได้ในการนี้ กองทัพเรือได้ประสานกับเครือข่ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล ตลอดจน ทางจังหวัด เพื่อให้ประสานกับ เครือข่ายเรือประมงในทะเล ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ ให้ช่วยกันค้นหาในพื้นที่ตามแนวชายฝั่งพร้อมทั้งลาดตระเวนทางเท้าในบริเวณชายหาด