รมว.เกษตร ยืนยันชาวสวนยางได้เงินช่วย 15 ธ.ค. แน่นอน

วันที่ 1 ก.ย. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เตรียมจะนำโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 นำเสนอให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่เดือน ต.ค. 62 – ก.ย. 63

เกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการต้องขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ก่อนวันที่ 12 ส.ค. 62 พื้นที่ 17,201,390.77 ไร่ เกษตรกร 1,412,017 รายและคนกรีด 299,235 ราย รวมทั้งเกษตรกรที่ถือบัตรสีเขียวซึ่งพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์และบัตรสีชมพูซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทั้งนี้เพื่อต้องการช่วยเหลือชาวสวนยางที่เดือดร้อนจากการขายยางขาดทุนมากว่า 5 ปีอย่างทั่วถึง

ราคายางที่ประกันรายได้ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม, น้ำยางสด (DRC 100%) 57.00 บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 100%) 25 บาท/กิโลกรัม

โดยงบประมาณที่จะจ่ายค่าชดเชยส่วนต่างจากการขายยางเมื่อเทียบกับราคาในโครงการประกันรายได้เป็น 3 กรณีคือ รายละไม่เกิน 25 ไร่จะใช้งบประมาณ 26,627,343,816.59 บาท , รายละไม่เกิน 20 ไร่จะใช้งบประมาณ 24,928,133,299.41 บาท และ รายละไม่เกิน 15 ไร่จะใช้งบประมาณ 22,280,417,136.65 บาท

นอกจากนี้ยังกำหนดให้เกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการต้องปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นหรือเลี้ยงปศุสัตว์ร่วมในสวนยาง เป็นต้นเพื่อเพิ่มรายได้อย่างความยั่งยืน

สำหรับการจ่ายเงินจะโอนเข้าบัญชีของเกษตรกรผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย 2 เดือนจ่าย 1 ครั้ง งบประมาณนั้นธ.ก.ส. สำรองจ่ายไปก่อนและให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในปี 2564 ประกอบด้วย งบสำหรับการประกันรายได้ตามโครงการ งบชดเชยต้นทุนเงินต้นธ.ก.ส. ค่าใช้จ่ายในการโอนให้เกษตรกร และค่าบริหารโครงการเหมาจ่าย 1% ของวงเงินชดเชยรายได้

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เงินบาทแรกจะถึงมือชาวสวนยางในวันที่ 15 ธ.ค. นี้แน่นอน โดยโครงการประกันรายได้เป็นมาตรการระยะสั้นที่ต้องเร่งทำเนื่องจากชาวสวนยางเดือดร้อนจากราคายางที่ตกต่ำมานาน เชื่อว่าเมื่อทำควบคู่ไปกับมาตรการอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มการใช้ยางภายในประเทศ การลดพื้นที่ปลูกยาง ตลอดจนการสร้างให้ไทยเป็นตลาดกลางยางพาราของโลกเพื่อป้องกันการบิดเบือนราคาจากตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าในต่างประเทศ จะทำให้ราคายางพาราขยับสูงขึ้นตามกลไกของตลาดอย่างแท้จริงและมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืน