รัสเซียยิงขีปนาวุธกว่า100 ลูกถล่มยูเครน หลังยืนกรานปฏิเสธแผนสันติภาพ

รัสเซียยิงขีปนาวุธมากกว่า 100 ลูกถล่มหลายเมืองสำคัญในยูเครน ทำโครงสร้างพื้นฐานเสียหายหนัก ไฟฟ้าดับเกือบทุกพื้นที่ กลาโหมชี้เป็นการโจมตีหนึ่งในครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่สงครามปะทุ หลังมอสโกปฏิเสธแผนสันติภาพ ยืนกรานต้องยอมรับการผนวก 4 ภูมิภาค และไครเมีย เป็นดินแดนรัสเซีย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อยูเครนอย่างหนักหน่วงอีกครั้งในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) โดยมุ่งเป้าไปที่กรุงเคียฟ ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคคาร์คีฟ และเมืองอื่นๆ เกือบทั่วประเทศ 

การโจมตีที่เกิดขึ้นทำให้เสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในทุกภูมิภาคของยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเคียฟ มีสัญญาณดังขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 5 ชั่วโมง นับเป็นการเตือนภัยที่ยาวนานสุดตั้งแต่สงครามปะทุ 

โดยกระทรวงกลาโหมยูเครนได้ออกมาระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการโจมตีครั้งใหญ่สุดตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน เปิดฉากขึ้นเมื่อปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้โครงสร้างพื้นฐานของยูเครนเกือบทั่วประเทศได้รับความเสียหายอย่างหนัก และไฟฟ้าดับในเกือบทุกพื้นที่ 

ขณะที่ นายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนกล่าวบนทวิตเตอร์ว่า ขีปนาวุธที่ถูกยิงมาจากรัสเซียมีจำนวนมากกว่า 120 ลูก มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก 

จากการเปิดเผยของกองทัพอากาศยูเครน ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 7.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยกองกำลังป้องกันทางอากาศของยูเครนสามารถสกัดขีปนาวุธได้ 54 ลูกจากที่ถูกยิงมาทั้งหมด 69 ลูก ไม่รวมโดรนชาเฮด (Shahed) ของอิหร่านที่ถูกนำมาใช้โจมตียูเครนด้วยอีกจำนวนหนึ่ง 

รายงานระบุว่า หลังจากที่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเปิดฉากขึ้น กระทรวงพลังงานของยูเครนได้ระบุความเสียหายในหลายพื้นที่ทั่วกรุงเคียฟ ภูมิภาคทางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศ รวมถึงเมืองโอเดสซาทางตอนใต้ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง 

การโจมตีครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากเมื่อวานนี้ (28 ธ.ค.) รัสเซียออกมาปฏิเสธแผนสันติภาพ 10 ข้อที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน พยายามผลักดัน ซึ่งมีการกำหนดเงื่อนไขให้รัสเซียเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน พร้อมกับถอนทหารทั้งหมดออกไป 

ทางด้านเครมลินยังคงยืนกรานให้ยูเครนยอมรับการผนวกดินแดน 4 ภูมิภาคทางตะวันออกและทางใต้ ได้แก่  โดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคียร์ซอน และซาปอริซเซีย ทั้งยังต้องยอมรับการสูญเสียดินแดนไครเมียในคาบสมุทรทะเลดำที่รัสเซียยึดครองมาตั้งแต่ปี 2557 เท่านั้น 

โดยสำนักข่าว  TASS ของรัสเซีย ได้ออกมารายงานโดยอ้างคำพูดของนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินว่า “รัสเซียไม่อาจยอมรับแผนสันติภาพ ที่ไม่คำนึงถึงความเป็นจริงในปัจจุบันเกี่ยวกับดินแดนทั้ง 4 ที่ได้ถูกผนวกรวมเป็นของรัสเซียแล้วได้”

ที่มา Reuters, CNN