รัสเซีย-ยูเครน อ้างสังหารทหารฝ่ายตรงข้ามหลายร้อยนายในสมรภูมิบาคห์มุต

รัสเซียและยูเครนอ้าง กองกำลังข้าศึกถูกสังหารไปหลายร้อยนายในศึกแย่งชิงเมืองบาคห์มุตเมื่อวันเสาร์ หลังการต่อสู้ยืดเยื้อมานานหลายเดือน รัสเซียยังไม่สามารถยึดเมืองได้

ความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบในเมืองบาคห์มุต สมรภูมิทางตะวันออกในของยูเครน ล่าสุดเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) เซอร์เฮย์ เชเรวัตยี โฆษกกองทัพยูเครนประจำภูมิภาคตะวันออก ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีกองกำลังสนับสนุนของรัสเซียถูกทหารยูเครนสังหารไป 221 นาย และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 300 นาย

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียก็ได้ออกมาระบุว่า มีทหารยูเครนถูกสังหารโดยทหารรัสเซียที่สมรภูมิแนวหน้าในแคว้นโดเนตสค์ราว 210 ราย ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยไม่ได้เฉพาะไปที่เมืองบาคห์มุต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างดุเดือดมาเป็นเวลาหลายเดือน 

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ตัวเลขที่มีการเปิดเผยออกมาล่าสุดนี้ แม้ทางฝั่งรัสเซียจะไม่ได้เปิดเผยจำนวนทหารที่เสียชีวิตในเมืองบาคห์มุตโดยตรง แต่ก็แสดงให้เห็นว่า สมรภูมิในแคว้นโดเนตสค์ ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นหนึ่งในสมรภูมิที่นองเลือดที่สุด และยาวนานที่สุด ท่ามกลางสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 ปี ได้สร้างความสูญเสียให้กับทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมาก 

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์สระบุว่า จำนวนทหารเสียชีวิตที่ทั้งสองฝ่ายออกมาเปิดเผยนั้น เป็นตัวเลขที่ไม่สามารถยืนยัน และตรวจสอบได้อย่างอิสระ

ด้านหน่วยข่าวกรองทางทหารของอังกฤษเปิดเผยสถานการณ์ในเมืองบาคห์มุต ในแถลงการณ์ประจำวันเมื่อวันเสาร์ (11 มี.ค.) ว่า เยฟเกนี พริโกซิน หัวหน้าวากเนอร์กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มทหารรับจ้างรัสเซีย ออกมาระบุว่า กองกำลังวากเนอร์ สามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออกของเมืองบาคห์มุตได้แล้ว โดยขณะนี้ทหารวากเนอร์อยู่ห่างจากศูนย์กลางการปกครองของเมืองบาคห์มุต ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำบัคมุตกา ออกไปเพียง 1.2 กิโลเมตร 

หน่วยข่าวกรองอังกฤษระบุว่า ตอนนี้แนวหน้าของสมรภูมิในบาคห์มุตอยู่ที่บริเวณแม่น้ำบัคมุตกา ทำให้บริเวณพื้นที่โล่งที่แม่น้ำสายดังกล่าวไหลผ่านกลายมาเป็นเขตสู้รบ ที่มีความท้าทายอย่างยิ่งต่อทหารวากเนอร์ ที่พยายามโจมตีเพื่อรุกคืบต่อไปทางตะวันตก และในขณะเดียวกันก็เป็นสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อกองกำลังของยูเครนด้วย 

“กองกำลังยูเครน และสายส่งเสบียงของพวกเขาทางตะวันตกยังคงเปราะบางต่อความพยายามของรัสเซียที่กำลังเดินหน้ารุกแนวรับจากฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้อย่างไม่หยุดหย่อน” หน่วยข่าวกรองอังกฤษระบุในแถลงการณ์

ที่มา Reuters, Al Jazeera