สหรัฐฯ ประเมินรัสเซีย กำลังขาดแคลนอาวุธ ยิงปืนใหญ่ลดลง 75%

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ล่วงเข้าเดือนที่ 11 รัสเซียเริ่มแสดงสัญญาณขาดแคลนอาวุธถึงขั้นใกล้วิกฤต สหรัฐฯ เผยมีการยิงปืนใหญ่ลดลง 75% จากช่วงเวลาที่สงครามพีคสุด คาดอาจเพราะกระสุนเหลือน้อย 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานความคืบหน้าสถานการณ์สงครามในยูเครน ล่าสุดมีการเปิดเผยออกมาจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และยูเครนว่า จากการประเมินในตอนนี้ รัสเซียใช้อาวุธปืนใหญ่ในสงครามลดลงอย่างมาก โดยในบางพื้นที่มีการยิงปืนใหญ่ลดลงถึง 75% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่รัสเซียนำปืนใหญ่ออกมาใช้มากที่สุด  

ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ อธิบายว่า อัตราการยิงปืนใหญ่ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดนี้ อาจบ่งชี้ได้ว่าการสู้รบที่ยืดเยื้อและโหดร้ายส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการจัดหาอาวุธธรรมดาๆ ของรัสเซียด้วยเช่นกัน 

อีกทั้ง อัตราการยิงปืนใหญ่ที่ลดลงอย่างมากนี้ ยังถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดไปจากแนวทางปฏิบัติของกองทัพรัสเซีย ซึ่งที่ผ่านมามักใช้ยุทธวิธีในการถล่มพื้นที่เป้าหมายด้วยปืนใหญ่และจรวด ดังที่ปรากฏให้เห็นในเมืองมาริอูโปล (Mariupol) และเมืองเมลิโทโปล (Melitopol)

อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นดังกล่าวยังคงเป็นเพียงการคาดเดา ซึ่งแม้แต่เจ้าหน้าที่ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เอง ก็ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า รัสเซียกำลังพยายามจัดสรรอาวุธเนื่องจากกระสุนปืนใหญ่ในคลังรัสเซียกำลังร่อยหรอ หรืออาจเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินยุทธวิธีภาพรวมในขณะที่ยูเครนประสบความสำเร็จในการต่อต้านการรุกราน  

ขณะเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ออกมาตั้งข้อสังเกตต่อเรื่องนี้ว่า อัตราการยิงปืนใหญ่ของรัสเซียไม่ได้ลดลงอย่างสม่ำเสมอ ยังคงมีบางวันที่รัสเซียยิงปืนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบๆ เมือง เมืองบัคห์มุท และเมืองเครมีนา ทางตะวันออกของยูเครน รวมถึงบางพื้นที่ใกล้กับเมืองเคอร์ซอนในตอนใต้ของประเทศ จึงมองว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการปรับกลยุทธ์ใหม่ของนายพลเซอร์เกย์ ซูโรวิคิน แม่ทัพคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้มาบัญชาการปฏิบัติการทหารพิเศษในยูเครนเมื่อปลายปีที่แล้ว 

ทั้งนี้ ซีเอ็นเอ็นระบุในรายงานว่า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ และยูเครน อัตราการยิงปืนใหญ่ของรัสเซียที่ลดลงนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกันมาก โดยสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียยิงปืนใหญ่ลดลงจาก 20,000 นัดต่อวัน เหลือเพียงราว 5,000 นัดต่อวันโดยเฉลี่ย ในขณะที่ฝั่งยูเครนเผยว่า การยิงปืนใหญ่ของรัสเซียลดลงจาก 60,000 นัด มาเป็น 20,000 นัดต่อวัน แต่จากการประเมินของทั้งสองฝั่งชี้ไปที่แนวโน้มขาลงเหมือนกัน 

เจ้าหน้าที่อธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า อาจเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของรัสเซียในสมรภูมิที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 1 ปี และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยูเครนกำลังได้รับการสนับสนุนทางการทหารเพิ่มขึ้นจากพันธมิตรตะวันตก ซึ่งสหรัฐฯ และเยอรมนี เพิ่งออกมาประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะส่งยานเกราะต่อสู้ และระบบต่อต้านขีปนาวุธแพทริออต (Patriot) ให้ยูเครนเพิ่มเติม เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันตนเอง ขณะที่ฝ่ายรัสเซียก็มีหลายฝ่ายมุ่งไปวิเคราะห์ที่อาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง อย่างเช่น ขีปนาวุธร่อนหรือขีปนาวุธทิ้งตัว

ที่มา CNN