รัสเซียสลายม็อบเลือดอาบ ฝืนคำสั่งประท้วงเลือกตั้งท้องถิ่น ถูกจับ 1,400 คน

ตำรวจรัสเซียใช้กำลังเข้าสลายผู้ชุมนุมประท้วงเกือบ 4,000 คน ที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้ทางการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคฝ่ายค้านลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นในรัสเซีย  ล่าสุดมีผู้ถูกจับกุมแล้วเกือบ 1,400 คน ข้อหาฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมโดยไม่ได้ขออนุญาต

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27ก.ค.62) (ตามเวลาท้องถิ่น) ตำรวจรัสเซีย จับกุมผู้ประท้วงจำนวน 1,400 คน ที่ออกมาเดินขบวนประท้วงรัฐบาลที่ตัดสิทธิไม่ให้สมาชิกพรรคฝ่ายค้านเกือบ 30 คน ลงแข่งขันสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น ที่อ้างว่ากลุ่มผู้สมัครดังกล่าวขาดคุณสมบัติ เพราะมีผู้สนับสนุนไม่ครบ 5,000 รายชื่อ ตามข้อกำหนด

สื่อต่างๆ ได้มีการแพร่ภาพขณะตำรวจปราบจราจลกำลังใช้กระบองฟาดเข้าใส่ผู้ชุมนุม  รวมไปถึงภาพผู้สื่อข่าวที่ได้รับบาดเจ็บศรีษะแตก ยังไม่มีรายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บอย่างเป็นทางการ ขณะที่มีผู้ถูกควบคุมตัวถึง 1,373 คน ในจำนวนนี้ 150 คน ถูก กักตัวไว้ในห้องขัง

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประท้วงได้มีการแยกย้ายออกจากพื้นที่ชุมนุมแล้ว โดยแกนนำได้ออกมาระบุว่า พวกเขาจะกลับมาชุมนุมร่วมกันอีกครั้งในวันเสาร์หน้านี้ (3 ส.ค.) เพื่อจะกดดันรัฐบาลต่อไป จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้งในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

สื่อท้องถิ่นรัสเซียระบุว่า การประท้วงครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ ประธานาธิบดีปูติน กำลังอยู่ระหว่างร่วมงานวันทหารเรือ ใกล้กับนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยล่าสุด นาย ปูติน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ กับเหตุการณ์ประท้วงดังกล่าว  ขณะเดียวกันยังเป็นช่วงเวลาที่ชาวรัสเซียไม่พอใจเกี่ยวกับมาตรฐานการครองชีพที่ลดต่ำลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คะแนนนิยมขณะนี้ของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำประเทศ ลดลงอย่างมาก

ทั้งนี้ การสลายม็อบดังกล่าว ถือเป็นการควบคุมสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ ใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่รุนแรงที่สุด เมื่อเทียบกับการประท้วงเมื่อปี พศ. 2555  ที่ชาวรัสเซียหลายหมื่นคนออกมาประท้วงประธานาธิบดี ปูติน  ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากที่เขาเพิ่งเป็นนายกรัฐมนตรีมานานถึง 4 ปี