‘เจิ้งโจว’ จากเมือง ผลิตไอโฟน 140 ล้านเครื่อง ทำแบบเดิมไม่โต ปรับตัวผลิตรถ EV

หลังจากที่ Apple เริ่มกระจายการผลิตไปยังประเทศ ‘อินเดีย’ มากขึ้น กำลังส่งผลกระทบให้กับ ‘เมืองเจิ้งโจว’ ในจีน ที่เคยเป็นฐานการผลิต iPhone ของ Apple ที่ต้องหาทางรับมือและต้องปรับตัวกันใหม่กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป 

[ ‘เจิ้งโจว’ ขึ้นชื่อผลิต iPhone สูงถึง 140 ล้านเครื่อง ]

ที่ผ่านมาเศรษฐกิจของเมืองนี้ขับเคลื่อนด้วยบริษัท Foxconn ผู้รับจ้างผลิต iPhone โดย 60% ของการผลิต iPhone ทั่วโลกมาจากที่นี่ มีโรงงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทำให้เจิ้งโจวกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการประกอบสมาร์ทโฟนของ Apple มาพร้อมตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ยิ่งในช่วงพีคๆ โรงงาน Foxconn มีพนักงานถึงประมาณ 350,000 คน สามารถผลิต iPhone ได้สูงถึง 140 ล้านเครื่อง

ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ธุรกิจในท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร หอพัก ร้านค้าปลีก และบริการต่างๆ ที่คอยรองรับความต้องการของคนงานในโรงงาน 

ขณะเดียวกันภาคการส่งออกของเมืองนี้ กว่า 60% ก็มาจากสมาร์ทโฟน สะท้อนให้เห็นว่า ‘เจิ้งโจว’ เติบโตด้วยการพึ่งพาอุตสาหกรรมการผลิตสมาร์ทโฟนเป็นอย่างมาก

[ Apple บอกการเมืองแอบเสี่ยง ย้ายไปผลิตอินเดียแทนดีกว่า ]

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ ที่ Apple ได้เริ่มย้ายการผลิต iPhone บางส่วนไปยังประเทศอื่น เช่น อินเดีย เพื่อลดความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์การเมือง ประกอบกับการใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น ทำให้มีการลดจำนวนแรงงานในโรงงาน Foxconn ซึ่งเคยมีพนักงานถึง 350,000 คน เหลือเพียงไม่กี่หมื่นคน ส่งผลให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นได้รับผลกระทบ ร้านอาหารและธุรกิจอื่นๆ ปิดตัว 

เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลแก้เกมด้วยการดึงอุตสาหกรรมการผลิตรถ EV เข้าสู่เมืองมากขึ้น มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลท้องถิ่นเข้ามาสนับสนุนให้ออกกฎหมายจูงใจนายทุน ไม่ว่าจะเป็น ให้เงินอุดหนุนด้านการวิจัยและพัฒนาต่างๆ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่เป็นหัวใจของรถไฟฟ้า 

ให้สิทธลดหย่อนภาษีสำหรับบริษัทที่ลงทุนในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ รวมถึงการสร้างโรงงานผลิตที่เกี่ยวข้องมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงยังกระตุ้นผู้คนในเมืองให้หันมาซื้อรถยนต์ EV โดยได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพิ่มเข้าไปด้วย

[ แบรนด์จีนเริ่มเข้ามามากขึ้น ปีหน้าส่งออก 60% ต้องเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรม EV ]

ตอนนี้มีโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD และ SAIC Motor เริ่มเข้ามาลงทุนในเมืองเจิ้งโจว สร้างตำแหน่งงาน ฟื้นเศรษฐกิจเมืองนี้บ้างแล้ว

โดย BYD เข้ามาตั้งโรงงานใหม่ตั้งแต่ปีที่แล้ว เรียกได้ว่ามาสร้างอาณาจักรใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะมีการจ้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บนฐานกำลังการผลิตรถยนต์ได้ปีละ 200,000 คัน และคาดว่าปีนี้จะผลิตให้ได้ 400,000 คัน เน้นผลิตรถรุ่นใหญ่ๆ อย่าง Song Pro SUV และ Sea Lion 07 sedan ซึ่งมีความสามารถผลิตได้เร็วมากกว่า 1 คันต่อ 1 นาที

สำหรับ SAIC Motor ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ลงทุน 2 พันล้านหยวน สร้างโรงงานแบตเตอรี่ที่เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารของแบรนด์บอกไว้ว่า บริษัทมีแผนจะทำให้เจิ้งโจวเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ EV 

นอกจากนี้ ยังมี Yutong Bus เป็นผู้ผลิตรถบัสรายใหญ่ในประเทศจีน กำลังเพิ่มกำลังการผลิตรถบัสไฟฟ้าอีกในเมืองนี้แล้วด้วย 

อย่างไรก็ตาม จีนหวังว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในเจิ้งโจวถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ที่ยั่งยืนและพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น โดยนายกเทศมนตรีเมืองเจิ้งโจว บอกว่า ภายในปีหน้า (ปี 2025) จะเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมรถ EV มากขึ้น ตั้งเป้าผลิตรถให้ได้สูงถึง 1.5 ล้านคัน เพื่อจะทดแทนอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่กำลังซาลง

ต้องมาตามดูกันต่อว่าหลังจากนี้ เจิ้งโจวจะเปลี่ยนภาพจำจากเมืองสมาร์ทโฟนของโลกสู่เมืองใหม่แห่งอุตสาหกรรม EV ได้ตามที่พยายามหรือไม่..