Salad Factory จับมือ S-Pure พยายามเจาะกลุ่ม Gen Z ด้วย ‘อกไก่’ ทำให้รู้จักแบรนด์-ลบภาพจำสลัดน่าเบื่อ

pain point อย่างหนึ่งของธุรกิจร้านสลัด หรืออาหารแนวเฮลตี้ หนึ่งในนั้นก็คือ คนจะคิดว่าน่าจะมีแค่สลัดผัก หรืออาหารคลีนที่รสชาติกลางๆ น่าเบื่อๆ แต่ยุคใหม่ที่การแข่งขันสูง สู้กันดุเดือดตั้งแต่อาหาร คุณภาพ ราคา ยันที่ทำเล ทำให้ ‘Salad Factory’ ต้องคิดมากกว่านั้น เพราะยอมรับว่าทุกวันนี้ก็ยังมีผู้บริโภคหลายกลุ่มที่อาจจะยังไม่รู้จักแบรนด์

ก่อนจะเป็น ‘Salad Factory’ แบรนด์ที่ 16 ของ CRG (เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น) ในปี 2012 ‘กอล์ฟ – ปิยะ ดั่นคุ้ม’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ และเพื่อนอีกคนที่ตอนนั้นได้ร่วมลงขันลงทุนเด้วยกัน ใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียวในการตัดกสินใจเปิดธุรกิจ หลักๆ เพราะคิดว่าพอมีประสบการณ์เกี่ยวกับร้านอาหารอยู่บ้างในสมัยที่ยังทำงานที่ร้านอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา

แต่ความคิดวูบเดียวในตอนนั้นทำให้เกือบเจ๊งเอาตัวไม่รอด เพราะคอนเซ็ปต์ร้านที่ใหม่เกินไปสำหรับคนไทย ซึ่งในสมัยนั้นร้านสลัดโดยเฉพาะ หรือร้านที่เกี่ยวกับอาหารสุขภาพยังน้อยมากในไทย

ความคิดน้อยในวันนั้นทำให้เกิดปัญหาไม่เว้นวัน เพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนขอแยกทาง แต่ กอล์ฟ – ปิยะ ก็ดันทุรังปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ฟังเสียงของลูกค้ามาเรื่อยๆ จนเริ่มขยายสาขาได้มากขึ้น กระทั่งได้เข้ามาอยู่ในใต้ร่มของ CRG

[ ฟังเสียงลูกค้าเยอะ จนรู้ว่า ‘อกไก่’ คือ pain point ]

ช่วงกระแสที่คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยหันหน้าเข้าสู่ ‘สายสุขภาพ’ ถือเป็นโอกาสทองของเหล่าร้านสลัด ร้านเฮลตี้ ขณะเดียวกันก็เป็นความท้าทายมากเช่นเดียวกัน เพราะผู้เล่นในตลาดก็เพิ่มขึ้นตาม

ทั้งนี้ ความเป็น ‘อกไก่’ แหล่งของวิตามินบี 12 ที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งยังเป็นแหล่งของโปรตีนไร้ไขมัน ทำให้คนจำนวนไม่น้อยนิยมทานมากขึ้น แต่ข้อเสียของอกไก่ก็คือ ‘แห้ง ไม่ฉ่ำ ไม่นุ่ม’ ซึ่งอาจไม่ใช่ส่วนที่คนทั่วไปชอบทานนัก

กอล์ฟ – ปิยะ มองเห็นโอกาสตรงนี้ และมองว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ อย่าง Gen Z ได้หันหน้าสู่ไลฟ์สไตล์เฮลตี้ด้วย ดังนั้น ความที่ Salad Factory รู้จักและทำงานร่วมกับ S-Pure มาเป็น 10 ปี จึงพัฒนาสายสัมพันธ์นี้กลายเป็นโปรเจ็กต์แคมเปญการตลาดที่ชื่อว่า “สุข ฉ่ำ เต็มอก” คือช่วยกันออกแบบรสชาติ เท็กเจอร์ต่างๆ ทำให้อกไก่กลายเป็นมื้อพิเศษของคนรักสุขภาพที่ทานได้ทุกวัน

ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนชอบทานของอร่อย สุขภาพดี อร่อย ไม่จำเจ ที่เขียนได้แบบไม่อวยเพราะลองทานมากับตัวแล้ว หลายเมนู เช่น ‘พิซซ่าอกไก่กรอบเอสเพียว ฮาวาเอี้ยน’ หรือจะเป็น ‘สเต็กอกไก่ย่างเอสเพียว ซอสทรัฟเฟิลพาร์มีซานชีสและผักโขม’ กลายเป็นเมนูติดใจของหลายคน แม้แต่ผู้เขียนก็รู้สึกว่า ลืมไปแล้วว่ากำลังทานอกไก่อยู่!

กอล์ฟ – ปิยะ ได้เปิดใจระหว่างสัมภาษณ์ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z มีความน่าสนใจและเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ตลาดร้านอาหารสุขภาพมีแนวโน้มโตขึ้นเรื่อยๆ จากที่ปี 2566 ตลาดมีมูลค่าสูงถึง 4,500 ล้านบาท เฉพาะอาหารสุขภาพ จำพวกสลัดเท่านั้น ยังไม่รวมประเภทอาหารที่คล้ายๆ กลุ่มรักสุขภาพ

ถึงแม้ว่าผู้เล่นในตลาดรายอื่นๆ จะให้ความสนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่เช่นกัน แต่ก็มองว่า แต่ละธุรกิจมีจุดเด่น จุดต่างที่ไม่เหมือนกัน ซึ่ง Salad Factory เองก็ใส่ใจเรื่องสุขภาพของผู้บริโภค และอยากจะมอบแต่สิ่งดีๆ มีคุณภาพ และราคาต้องเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ

“เราก็คาดหวังว่า แคมเปญนี้ที่เป็นเมนูอกไก่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่อาจจะยังไม่รู้จักเรา รับรู้ว่า Salad Factory ก็มีเมนูอย่างอื่นด้วย เมนูที่ร้านเราค่อนข้างหลากหลาย แะครอบคลุมลูกค้าหลายกลุ่ม”

ทั้งนี้ ในปี 2566 รายได้ของ Salad Factory อยู่ที่ 593 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้เราได้ตั้งเป้ารายได้ว่าอยากจะแตะที่ 750 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าเดิมที่ส่วนใหญ่เป็น ‘กลุ่มครอบครัว’ มียอดใช้จ่ายต่อบิลประมาณ 500 บาท แต่เมื่อโฟกัสตลาดใหม่อย่าง ‘Gen Z’ มองว่า ความจริงเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่หากชอบใจ และสนใจในสิ่งนั้นๆ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มียอดใช้จ่ายต่อคนต่อบิลประมาณ 250-300 บาท แม้ว่ามูลค่าดูน้อยลงแต่อย่าลืมว่าเราคิดเป็นมูลค่าต่อหัว ไม่ใช่แค่ต่อบิลอย่างเดิม

ซึ่งแคมเปญเมนูอกไก่นี้จะอยู่ถึงแค่ 30 กันยายนนี้เท่านั้น แต่ก็ลุ้นๆ ว่าเมนูขายดีเมนูไหนอาจจะถุกบรรจุมาอยู่ที่เมนูประจำร้านก็ได้ เพราะ กอล์ฟ – ปิยะ ก็เปรยๆ อยู่เหมือนกันว่าพยายามปรับเมนูใหม่ทุกปี

[ ปีนี้เน้นเจาะตลาด ‘โรงพยาบาล’ สายกรีน ]

ความน่าสนใจของ Salad Factory ก็คือ เป็นแบรนด์ร้านอาหารสุขภาพที่มีสาขามากที่สุดในไทยแล้ว 43 สาขาในปัจจุบัน เกิดจากแผนการขยายสาขาเฉลี่ย 9 สาขา ติดต่อกัน 3 ปีแล้ว

โดยในปีนี้ยังคงเน้นในเรื่องการขยายสาขาเช่นเดิม ซึ่งตั้งเป้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ รวมทั้งขยายไปยังทำเลศักยภาพใหม่ๆ เช่น โรงพยาบาล เป็นต้น

ซึ่งเปิดไปแล้ว 5 สาขาโดยเป็นสาขาในจังหวัดนครปฐม และนครสววรค์ ส่วนโรงพยาบาลที่บุกเข้าไปทำการตลาดแล้ว ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลเมดพาร์ค โดย 2 สาขาที่จะเปิดช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ก็คือ โรงพยาบาลพระราม 9 และ โรงพยาบาลวิภาวดี โดยจะเป็นโมเดล ‘Compact Store’ ในการขยายสาขาไปตามโรงพยาบาล

ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้อง S-Pure ซึ่งแม้แต่ ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ได้ยอมรับว่าผลิตภัณฑ์อาจมีราคาแพงกว่านิดหน่อย แต่รับรองว่าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ทุกกระบวนการถูกต้อง เชื่อถือได้ และมีสตอรี่ที่ดี

“จากประสบการณ์ทั้งหมดของ S-Pure อกไก่และเนื้อสัตว์อื่นๆ ของเราปลอดภัยจากยาปฏิชีวนะและสารเคมีตกค้าง เราได้การรับรอง NSF ที่ช่วยการันตีว่า พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีการใช้สารปฎิชีวนะ ซึ่งสามารถย้อนไปดูประวัติได้ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ได้เลย”

“ปกติเทรนด์การบริโภคอกไก่ทั่วโลกก็สูงขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว การเติบโตของอกไก่ค่อนข้างโดดเด่น น่าจะ 50% – 50% เทียบกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น”

ทั้งนี้ กอล์ฟ – ปิยะ ได้กล่าวด้วยว่า สำหรับ Salad Factory อยู่ใน Top 3 ในตลาด หากแคมเปญเมนูอกไก่ได้รับความนิยมตามคาด ก็หวังว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขาย และเพิ่มสัดส่วนเค้กก้อนนี้ให้มากขึ้นด้วย