SHARE

คัดลอกแล้ว

แซมมี่ หรือ ภัคธีมา ชิลเลอร์ ศิลปินวัยรุ่น GEN Z ที่มี่เสียงร้องเป็นเอกลักษณ์ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถเฉพาะตัว เธอเข้าสู่วงการการทำเพลงไทยครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา ในฐานะศิลปินในค่ายเพลง ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค (ประเทศไทย) นอกจากนั้นเธอยังได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่แห่งปี ของ TOTY Music Awards 2021 อีกด้วย

โดยแซมมี่เริ่มเปิดตัวซิงเกิลแรกได้อย่างน่าจดจำกับเพลง ทานตะวัน และในปีเดียวกันเธอส่งซิงเกิลที่ 2 ออกมาต่อเนื่องทันทีกับเพลง ปราสาทวังวน จนถึงซิงเกิลเพลงไทยล่าสุดในเพลง Plaster อีกหนึ่งบทเพลงที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาฝีไม้ลายมือ ทั้งการแต่งเนื้อร้องและท่วงทำนอง บวกกับการหยิบยกเรื่องราวต่าง ๆ ในแบบฉบับของเธอผสมผสานออกมาได้อย่างชัดเจน

ล่าสุดแซมมี่กลับมาต้อนรับเดือนแห่งความรักพร้อมกับซิงเกิลภาษาอังกฤษเพลงแรกที่เธอแต่งขึ้นเมื่อตอนอายุ 16 ปี หลังจากที่เธอเลือกที่จะจบความสัมพันธ์ที่ Toxic ไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน เธอจึงหยิบเอาประสบการณ์ส่วนตัวตรงนั้นมาแต่งเป็นเพลง Making Me Sick!

WorkpointTODAYPLAY พูดคุยกับศิลปิน แซมมี่ ถึงมุมมองความสัมพันธ์ที่เธอได้เรียนรู้ นำไปสู่การถ่ายทอดลงในซิงเกิล Making Me Sick!

Making Me Sick! บทเพลงที่มาจากเติบโตหลังจากเลือกจบความสัมพันธ์ที่Toxic

เพลงนี้เป็นเพลงที่แซมพูดถึง Toxic Relationship ที่แซมมีตอนอายุประมาณ 15 – 16 ปีค่ะ เป็นเพลงที่แซมเขียนตอนที่แซมไม่ตั้งใจเรียน (หัวเราะ) แซมชอบเขียนโต๊ะแล้วแซมก็เขียนเป็นคำว่า  I loved you but it was making me sick! แซมเลยเริ่มเขียนไอเดีย เริ่มเมโลดี้ เริ่มคอร์ดที่โรงเรียนทั้งหมดเลย สำหรับเพลงนี้มันเป็นอะไรที่เหมือนกับเป็นการตัดสินใจที่ดีของแซม คือมันจะมีท่อนหนึ่งที่บอกว่า “Should I just run and go” มันแปลว่า ฉันจะวิ่งหนีไปดีไหมนะ ฉันจะเดินออกมาดีไหม เพราะว่าความสัมพันธ์นี้มันทำให้ฉันรู้สึกว่า สุขภาพจิตของเรามันไม่ดี เพราะฉะนั้นแซมรู้สึกว่า อันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องของการเติบโตด้วยมั้ง ที่แบบเรากล้าที่จะออกจากอะไรที่มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตของเรา

 

การตัดสินใจเลือกที่จะเดินออกจากความสัมพันธ์ที่ Toxic และความรักของ Gen Z

สำหรับแซมมี่การที่คน ๆ หนึ่งตัดสินใจเลือกที่จะเดินออกจาก Toxic Relationship มีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ การเติบโต ความรู้สึกที่ลึก ๆ ซึ่งเราควรที่จะต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกนั้นให้มาก เธอจึงเปรียบเทียบเพลงนี้เป็นเหมือนกับหูฟังคุณหมอ (Stethoscope) เพราะสำหรับเธอ เพลงนี้เกิดขึ้นจากการที่เธอได้รับฟังความคิดและความรู้สึกของตัวเอง ในฐานะคนที่เคยผ่านความสัมพันธ์ที่ Toxic มาแซมมี่มองว่าสุขภาพจิตของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญที่ควรเลือกมันก่อนอะไรทั้งหมดบนโลกใบนี้

“เราอยากจะบอกว่าให้ดูแลสุขภาพจิตของตัวเองให้มาก ๆ สุขภาพจิตเป็นเรื่องใหญ่มาก คุณควรเลือกมันก่อนอะไรทั้งหมดบนโลกใบนี้เลยจริง ๆ แล้วอย่ามองว่ามันเป็นเรื่องที่แบบเห็นแก่ตัวด้วยเพราะรู้สึกว่าเรื่องสุขภาพจิตมีผลกับอะไรหลาย ๆ อย่างมาก ๆ ไม่ว่าผลมันจะมาจากเรื่องของความรัก มาจากคนที่เรารักมากที่สุด หรือว่ายังไงก็ตาม อยากให้ดูแลเรื่องสุขภาพจิตของตัวเองก่อน ความกล้าหรือความไม่มั่นใจของแต่ละคนมันอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ว่าเราอยากให้ทุกคนคิดถึงเรื่องสุขภาพจิตของตัวเองให้มาก ๆ ถ้าความสัมพันธ์มัน Toxic ก็ออกมาเถอะ”

แซมมี่มีมุมมองความสัมพันธ์ของวัยรุ่น Gen Z ว่าความรักในปัจจุบันมีปัจจัยที่ใช้ในการตัดสินใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ สังคม และจังหวะชีวิตที่ตรงกัน

“จริง ๆ ปัจจัยในความสัมพันธ์มันมีหลายอย่างมากเรื่องทัศนคติ เรื่องของสังคมก็เกี่ยว เกี่ยวมากด้วยแหละ เมื่อก่อนนี้เวลาแซมคบใครแซมรู้สึกว่าเรื่องสังคมไม่เห็นเกี่ยวเลย ถ้าเราแบบว่า ถ้าเราคลิกกัน มันก็ได้อะไรแบบนี้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันเกี่ยวมากเลย พวกเรื่องสังคม สิ่งที่เราทำกับสิ่งที่เขาทำ บางทีช่วงจังหวะชีวิตมันไม่ตรงกันมันก็เลยแบบคบกันไม่ได้” แซมมี่จึงมองว่าบางครั้งความรักไม่จำเป็นต้องครอบครอง เราสามารถที่จะเป็นวงกลม 2 วงกลมที่ไม่จำเป็นต้องเข้ามาอยู่ด้วยกัน แค่คอยมอง คอยให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ รักกันอยู่ห่าง ๆ ก็ได้

โดยเพลงนี้แซมมี่ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่าง Richard Craker แห่ง Karma Studios ที่เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Liam Gallagher, Rhys Lewis และ Sam Feldt รวมถึงศิลปินไทยที่มีเพลงติดอันดับชาร์ตอย่าง สิงห์โต  นำโชค และ DABOYWAY โดยแซมมี่ได้พูดถึงการร่วมงานกับ Richard Craker ในครั้งนี้ว่า มันเป็นโอกาสที่ใหญ่มากค่ะ เพราะว่าอย่างแรกเลยคือเขาเก่งมาก แซมไม่ได้เห็นคนเก่งมาสักพักแล้ว จนกระทั่งเจอเขาแล้วแบบเขาเก่งมากจริง ๆ เขาทำงานแบบปุ๊บปั๊บ ๆ มาก เดโมแรกที่แซมได้จากเขา แซมรู้สึกว่ามันปล่อยได้เลย คือมันไม่ใช่เดโม (หัวเราะ) มันแบบเดโมแบบเลเวล 99 เป็นเดโมที่พร้อมปล่อยได้เลย ก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับแซมมาก ๆ ค่ะ เพราะว่าเขาได้ทำงานให้กับศิลปินฝรั่งหลายคนเลย

 

หลังจากที่เธอตัดสินใจว่าจะปล่อยซิงเกิลแรกเป็นเพลงไทยอย่าง ทานตะวัน ทำให้เธอต้องเก็บเพลง Making Me Sick! และความสามารถในการเขียนเพลงภาษาอังกฤษไว้เป็นความลับอยู่เกือบ 2 ปี 

“เพลงนี้แซมทำมันเสร็จมาประมาณปีกว่า ๆ แล้ว สำหรับแซมมันใกล้ที่จะเปื่อยแล้ว แซมเลยอยากจะรีบปล่อยมันออกไปให้คนได้ฟัง การปล่อยครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการทดลองด้วยค่ะ ว่าแบบจะออกมาเป็นยังไงบ้าง เพราะเป็นเพลงแรกที่แซมได้ปล่อยออกไปเป็นภาษาอังกฤษ หลังจากปล่อยไปก็รู้สึกดีนะคะ เหมือนเราได้ปล่อยเพลงอีกภาษาหนึ่งที่เราสามารถเขียนได้อะไรแบบนี้ค่ะ ก่อนหน้านี้คนอาจจะคิดว่าแซมเขียนเพลงได้ภาษาเดียวแต่ว่าจริง ๆ ตัวแซมเองถนัดเขียนเพลงภาษาอังกฤษมากกว่าค่ะ”

เสน่ห์ของเพลงที่อยู่ในเรื่องราวเบื้องหลัง

“เพลงนี้เป็นเพลงที่เราแต่งในวันที่เราไม่มั่นใจกับอะไรเลย เราไม่มั่นใจว่าถ้าเราเขียนเพลงนี้ไปแล้วที่เราพูดถึงในเพลง ถ้าเขามาได้ยิน เขาจะโกรธเรามากกว่าเดิมไหม หรือว่าถ้าเราเขียนด้วยภาษาแบบนี้ไปคนจะมองว่ามันแบบ ตรงไปตรงมามากเกินไปไหม แต่รู้ไหมสุดท้ายแล้ว คนที่เราเขียนเพลงนี้ให้ เขาชอบเพลงนี้มากเลยนะ เขาบอกว่าเขารู้สึกดีใจที่เหมือนกับแบบความไม่แน่นอนของอะไรสักอย่างในเรื่องของความรักของเราในตอนที่เรายังเด็กกว่านี้ ออกมาเป็นผลงานแบบนี้ได้ เขารู้สึกว่าเขาดีใจ แล้วเราก็โล่งอะ (หัวเราะ)”

สัมภาษณ์/เขียนบทความโดย : ภณิชชา โชติกฤติชัย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า