SHARE

คัดลอกแล้ว

ชื่อของ แสนดี-แสนปิติ สิทธิพันธุ์ เข้ามาเป็นที่คุ้นหูคนไทยหลังพ่อของเขา นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่ากรุงเทพฯ หมาด ๆ ขอลางานชาวกทม. ไปรับปริญญาลูกชาย 

ภายในเวลา 4 วัน ใบหน้าของแสนปิติ กลายเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยของแฟนเพจผู้ติดตามผู้ว่าฯ หลังกลายเป็นแอดมินจำเป็นช่วยพ่อไลฟ์สดจากซีแอทเทิล 

เรื่องราวของเขาหลั่งไหลผ่านการบอกเล่าในหน้าสื่อมากมาย ทีมข่าว workpointTODAY ติดต่อเขาเพื่อพาทุกคนสำรวจมุมมอง ทุกแนวคิด ของเขากัน

นับเป็นเวลา 1 เดือนแล้วที่พ่อคุณได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ มีอะไรใหม่ ๆ หรืออะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในชีวิตบ้างไหม? 

อย่างแรกเลยคือ ผมไม่คิดว่าจะมีสื่อให้ความสนใจมาขอสัมภาษณ์เยอะแบบนี้เลยครับ! ผมไม่คาดคิดว่าผมจะได้ออกข่าวเยอะขนาดนี้! การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือตอนนี้ผมเป็นคนที่สาธารณะจับจ้อง ผมจึงต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิมครับ

การที่พ่อคุณมาเยี่ยมในพิธีรับปริญญามีความหมายแค่ไหน? เพราะพ่อคุณบอกว่าเรื่องนี้คือหินก้อนใหญ่ (เรื่องที่สำคัญที่สุด) ในชีวิต

สำหรับผมแล้ว เรื่องนี้มีความหมายมากเลยครับ ตอนพ่อบอกก่อนหน้านี้ว่ามาเยี่ยมไม่ได้เพราะชนะเลือกตั้ง ผมรู้สึกผิดหวังมาก ๆ ผมเลยอ้อนพ่อเรื่อย ๆ ให้มาหาผม สุดท้ายพ่อก็เปลี่ยนใจมาหาผม ซึ่งทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจและเป็นเรื่องที่มีความหมายมาก ๆ  ผมมองว่าการมีคนคอยสนับสนุนในชีวิตไม่ใช่แค่ช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ทางอารมณ์ให้เกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังคอยย้ำเตือนว่าเราควรรู้สึกสำนึกกับอะไรบ้าง ผมซาบซึ้งใจเสมอในสิ่งที่ผมมี การที่พ่อมาอยู่กับผมในช่วงเวลาที่เป็นหมุดหมายพิเศษของชีวิตจึงสำคัญมาก ๆ

มาพูดเรื่องที่คุณเรียนจบแล้วดีกว่า อะไรที่ทำให้คุณหลงใหลวิชาประวัติศาสตร์?

ผมว่าวิชาประวัติศาสตร์เป็นอะไรที่ประหลาด ผมโตมากับการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์และของโบราณต่าง ๆ ผมจึงสนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วิชานี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมมีความรู้และอยากจะศึกษาต่อไปให้นานเท่านาน ผมไม่ได้สนใจวิชาอื่นนักและผมก็รู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าผมอยากจะศึกษาต่อในสาขาประวัติศาสตร์ครับ

ผมใช้เวลาคิดจริงจังมาสักพักแล้วว่าจะอธิบายลักษณะของวิชาประวัติศาสตร์ยังไงดี แต่ผมคิดว่าถ้าจะอธิบายประวัติศาสตร์ให้ดีที่สุด คงต้องบอกว่าวิชานี้เป็นการสำรวจลงไปในความจริง วิชาประวัติศาสตร์ตั้งอยู่บนการสอบถามและการวิเคราะห์เชิงวิพากษ์เพื่อนำมาสร้างมุมมองต่าง ๆ แล้วเอามุมมองที่ว่ามาเชื่อมโยงกันเหมือนใยแมงมุมเพื่อสร้างกล้องสำรวจแนวคิดและแก่นต่าง ๆ ของมนุษยชาติ เราจะต้องอ่านทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ในเชิงวิพากษ์และสร้างความเข้าใจอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของตัวเองขึ้นมา ตัววิชาประวัติศาสตร์เองก็เปลี่ยนแปลงด้วยเหมือนกัน เมื่อต้องอาศัยการศึกษาอดีตเพื่อเข้าใจปัจจุบันก็มีแต่ความรู้เกี่ยวกับปัจจุบันเท่านั้นที่จะทำให้เราทำนายและประเมินอนาคตได้ วิชาประวัติศาสตร์ยังเป็นศาสตร์ที่มีสองด้าน หมายความว่าการศึกษาอดีตยังก่อให้เกิดการวิจารณ์และการถกเถียงอย่างมาก เพราะเนื้อหาประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเป็นอัตวิสัย เปิดกว้างต่อการตีความของแต่ละคน ผมว่าสิ่งที่ทำให้ผมหลงใหลประวัติศาสตร์คือลักษณะแก่นแท้ของวิชานี้ นั่นคือการศึกษาธรรมชาติของมนุษย์ ทัศนคติของผู้คนในอดีต และเราเป็นแบบที่เป็นอยู่ได้อย่างไร ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องของการจำวันเดือนปี การจำเหตุการณ์ หรือเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์นั้น แต่เป็นเรื่องว่าเหตุการณ์นั้นไปเกี่ยวกับเหตุการณ์อื่น ๆ อย่างไร และส่งอิทธิพลต่อสภาพของมนุษย์ในเชิงรูปธรรมอย่างไรตลอดเส้นเวลา วิชาประวัติศาสตร์เป็นการชำแหละมนุษยชาติในเชิงวิพากษ์ วิชาประวัติศาสตร์ถอดรื้อสถาบันทางสังคม ระบบ และกระบวนการต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเรามีวิวัฒนาการ มีความก้าวหน้า และเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ได้อย่างไรตลอดเส้นเวลา อาจพูดได้ว่าประวัติศาสตร์นั้นซับซ้อน แต่เมื่อมองในเชิงลึกแล้วก็มีความหลากหลาย ประวัติศาสตร์ไม่มีถูก ไม่มีผิด และไม่มีศีลธรรมอยู่ภายในด้วย เนื้อหาส่วนมากในวิชาประวัติศาสตร์นั้นเป็นพื้นที่สีเทา ซึ่งเป็นลักษณะโดดเด่นสำหรับศาสตร์ที่ศึกษามนุษยชาติอย่างรอบด้าน เมื่อมองจากประวัติศาสตร์ จะเห็นความหลากหลายของผู้คนในเรื่องเล่าที่หลากหลายและน่าสนใจ รวมถึงระบบ กระบวนการ และสถาบันที่ส่งมอบพลังให้กับผู้คนอีกด้วย

สถานที่ไหนเป็นสถานที่โปรดของคุณในเมืองซีแอตเทิลและเพราะอะไร? อะไรที่ทำให้เมืองเป็นเมือง?

สำหรับผมแล้ว ซีแอตเทิลเป็นบ้านหลังที่สองในหลายแง่เลยครับ เมืองนี้เป็นสถานที่ที่มีความหมายพิเศษในใจผม ผมตกหลุมรักความมีชีวิตชีวาและวัฒนธรรมหลากหลาย รวมถึงชุมชนมากมายหลายชุมชนกับผู้คนจากทุกฐานะ ทุกเชื้อชาติมาอยู่รวมกันและมอบชีวิตให้กับเมืองแห่งนี้ สถานที่โปรดของผมคือย่านแคปิทอลฮิลล์ซึ่งเป็นแหล่งชุมชน LGBTQ+ ในซีแอตเทิล ที่นี่มีผู้คนหลากหลายกลุ่ม หลากหลายประเภทมาผสมผสานร่วมกัน แถมยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารอร่อย ๆ ที่สถาปัตยกรรม สไตล์การตกแต่ง และประเภทอาหารมากมายไม่ซ้ำกันอีกด้วยครับ สำหรับผมแล้ว สิ่งที่ทำให้เมืองมีเอกลักษณ์ของตัวเองคือวิถีชีวิตแบบต่าง ๆ ที่เมืองเอื้อให้เกิดขึ้นได้ เมืองแต่ละเมืองนั้นไม่เหมือนกัน ผมจึงมองว่าเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมืองคือสิ่งที่ผมหลงใหลมากที่สุด ผมนึกย้อนไปถึงสิ่งที่พ่อเน้นย้ำตลอดมา เมืองไม่ใช่แค่สภาพแวดล้อมตึกรามบ้านช่องหรือพื้นที่กายภาพ แต่เมืองก็เป็นคนเหมือนเรานั่นแหละครับ เมืองนั้นมีชีวิตและมีบทบาทในการพัฒนาสภาพการใช้ชีวิตของมนุษย์

คุณชอบและไม่ชอบอะไรในกรุงเทพบ้าง? และอะไรคือปัญหาหนึ่งของกรุงเทพที่คุณอยากให้เปลี่ยนไปภายในสี่ปี?

พูดตามตรง สิ่งที่ผมชื่นชมในกรุงเทพคือซอยทุกซอยและย่านทุกย่านนั้นแตกต่างกัน การอยู่ในกรุงเทพเองก็เหมือนเราใช้ชีวิตในเขาวงกดซับซ้อน ไม่ว่าเราจะเดินทางไปทางไหนก็ดูเหมือนจะมีสภาพพื้นที่แตกต่างกันและไม่คุ้นเคยอยู่เสมอ แต่ในความจริงแล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราชินไปเองเมื่อเราใช้ชีวิตที่นี่เป็นเวลานาน ผมดีใจที่เห็นว่ากรุงเทพฯ มีพัฒนาการเพิ่มขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา เพราะเราเห็นผู้คนมีโอกาสได้เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างจริงจังในการบริหารจัดการและมีส่วนร่วมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำให้กรุงเทพมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น มีที่ทางกว้างขวางกว่าเดิม และมีที่ให้ชุมชนมากขึ้น ตอนนี้แอปแทรฟฟี่ฟองดูทำให้เกิดระบบเพื่อรับคำติชมแบบสร้างสรรค์และจัดการปัญหาจากการรับคำร้องเรียน ผมชื่นชมส่วนนี้มาก เพราะการที่เมืองจะเจริญได้ ผู้คนจะต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการการวางผังเมืองและการพัฒนาเมืองครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมรำคาญใจมาก ๆ เกี่ยวกับกรุงเทพคือเรื่องการจราจรครับ คนกรุงเทพทุกคนต่างรู้สึกแบบเดียวกันมานานมากแล้วและเราก็ไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ภายในชั่วข้ามคืนได้ การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลกับรูปแบบการจราจรและโครงสร้างถนนต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจจะเปลี่ยนไปใช้ข้อมูลแบบเปิดและการเขียนโปรแกรมเพื่อเป็นเครื่องมือบริหารจัดการเมือง และนี่จะเป็นความเปลี่ยนแปลงก้าวสำคัญจากอดีตอย่างมาก ผมหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาการจราจรครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมหวังว่าจะเปลี่ยนกรุงเทพได้ในสี่ปีข้างหน้า ภายในสมัยของพ่อผมคือผมอยากให้ถนนปลอดภัยมากขึ้นและมีโครงสร้างพื้นฐานดีขึ้นครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่สหรัฐอเมริกา การได้เห็นการใช้แนวทางเรียบๆแต่มีประสิทธิภาพและเน้นความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นหลักคือเรื่องที่ค่อนข้างคัลเจอร์ช็อคสำหรับผมเลยครับ ผมเลยอยากจะหวังว่าจะได้เห็นกรุงเทพฯ เกิดอุบัติเหตุน้อยลงบ้าง การเปลี่ยนทัศนคติหรือความคิดภายในชั่วข้ามคืนนั้นค่อนข้างยาก แต่ตราบเท่าที่เราเน้นปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานใหม่และบังคับใช้กฎหมายแล้ว ก็น่าจะช่วยให้เราก้าวไปถึงเป้าหมายได้ครับ

มาคุยเรื่องความรักกัน จากการเคลื่อนไหวของกลุ่ม LGBTQ ในขณะนี้ คุณนิยามความรักว่าอย่างไร และคุณมีประสบการณ์หรือคิดอย่างไรกับกลุ่ม LGBTQ?

แค่คำว่าความรักเองยังให้นิยามได้ยากเลยครับ ส่วนตัวแล้ว ความรักคือสิ่งที่เราไม่ได้ส่งต่อไปให้แค่กับคนอื่น แต่ให้กับตัวเราเองด้วย เรารักตัวเองได้ หากเราเคารพตัวเองและดูแลตัวเองดีมากพอเพื่อให้มีสุขภาพกายและใจดี เรายังรักคนอื่นในหลากหลายแบบด้วย ทั้งรักแบบไม่หวังผลตอบแทน รักแบบโรแมนติก หรือการให้ความรักทางกาย รวมถึงการรักครอบครัวด้วยครับ ผมได้มีโอกาสรู้จักกลุ่ม LGBTQ+ ครั้งแรกตอนม. ปลาย ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครรับรู้และยังไม่มีการสอนเรื่องนี้มาก แถมสมัยก่อนยังไม่มีการเรียกร้องประเด็นนี้มากอีกด้วย แต่ตอนนี้ผู้คนเริ่มแสดงตัวตนของตัวเองออกมาจากเดิมที่เคยเก็บซ่อนไว้ ซึ่งผมก็ชื่นชม LGBTQ+ ที่เผยตัวตนออกมา เรายังคงพยายามทำความเข้าใจแนวคิดเรื่องตัวตน การมีพื้นที่ของตัวเอง และการโอบรับคนทุกกลุ่มให้เป็นสังคมมวลรวม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะในไทยแต่เป็นกันทั่วโลกเลยครับ ตอนนี้ขบวนการ LGBTQ+ ในไทยยังคงเพิ่งตั้งต้น แต่ก็มีการรับรู้ในประเด็นนี้เกิดขึ้นมากแล้ว เห็นได้จากพาเหรดงาน “นฤมิตไพรด์” และการที่พ่อผมสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเปิดเผย ผมผิดหวังที่แม้สังคมไทยจะยอมรับ LGBTQ+ ทางความคิด แต่ก็ยังไม่มีความพยายามเพื่อให้สถานะของ LGBTQ+ ถูกต้องตามกฎหมาย ล่าสุดรัฐสภาก็เพิ่งเสนอและลงมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ 3 ร่างเกี่ยวกับสถานะตามกฎหมายของ LGBTQ+ ไป อย่างน้อยผมว่าก็ยังพอมีเป้าหมายให้ผลักดันและก็จะมีช่องสำหรับการปฏิรูปเพิ่มเติมในอนาคต

สำหรับผมแล้ว เหตุการณ์แรกที่ทำให้ผมสนับสนุนขบวนการ LGBTQ+ เกิดขึ้นตอนที่มีเพื่อนผมและคนในครอบครัวบางคนคัมเอาท์กับผม ผมยังงง ๆ และไม่รู้เรื่องในตอนแรก แต่ยิ่งผมหาข้อมูลเพิ่มเติมและได้เรียนรู้จากทั้งผู้เชี่ยวชาญทั้งและที่โรงเรียนมัธยมในไทยและที่อเมริกา ผมก็ออกมาเรียกร้องให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อผลักดันขบวนการ LGBTQ+ สังคมควรจะโอบรับผู้คนในแบบที่เป็นตัวของตัวเองต่างหาก ไม่ใช่ผลักไสให้ไปอยู่ชายขอบ ขบวนการ LGBTQ+ ในไทยเองก็ยังมีบาดแผลอยู่ แต่เช่นเดียวกับทุก ๆ ขบวนการ ผู้คนก็ยังเปลี่ยนความคิดได้และเราก็ยังมีเวลาพอจะขจัดการเหมารวมและความเคลือบแคลงสงสัยออกไปได้

ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่น่าอยู่เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมเป็นมิตรกับชุมชน LGBTQ+ และผมอยากให้กรุงเทพเป็นเมืองระดับโลกที่เชิญชวนผู้คนทั่วโลกให้มาเฉลิมฉลองความหลากหลาย การโอบรับผู้คนทุกกลุ่ม และสนับสนุนความรัก

คุณชอบทำอะไรในเวลาว่าง? งานอดิเรกหล่อหลอมตัวคุณอย่างไรบ้าง?

ส่วนตัวก็ชอบเขียนงานของผมเองครับ ตอนนี้ผมแต่งกวีนิพนธ์กับกำลังทำงานเขียนส่วนตัว ผมยังชอบอ่านวรรณกรรมมาก ๆ เลยด้วย แนวที่ผมชอบคือแนวโรแมนติก แนวลี้ลับ และแนวแฟนตาซี ผมยังชอบเที่ยวร้านกาแฟและถ่ายรูปด้วย ร้านกาแฟที่โปรดของผมร้านหนึ่งในกรุงเทพฯ คือร้านคาโรคอฟฟี่โรสเตอร์ที่ซอยปรีดี 26 เพราะว่าที่นั่นกลายเป็นเหมือนที่พักใจให้ผมไปแล้ว พนักงานที่นั่นคุยสนุกและผมก็มองพวกเขาเป็นเพื่อนที่ผมไว้ใจได้ อีกร้านที่ผมไปบ่อยคือรูทส์คอฟฟี่ที่คอมมอนส์ทองหล่อและนานาคอฟฟี่โรสเตอร์ ส่วนเรื่องถ่ายรูป ผมชอบไปเดินเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพและคว้ากล้องมาถ่ายรูปสิ่งที่ผมสนใจ

ผมยังเป็นคอกีฬาตัวยงด้วย ผมพยายามดูกีฬาให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่ดูไหว ทั้งเอ็นบีเอ ฟุตบอล เบสบอล คริกเกต ฟอร์มูล่าวัน เอ็มเอ็มเอ รวมถึงเทนนิสและรักบี้ด้วย

ผมมองว่างานอดิเรกพวกนี้ได้ผูกโยงกับตารางการใช้ชีวิตของผม จนผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ ผมจะทำอะไรอย่างอื่นอีก

ผมได้ยินจากพ่อคุณเมื่อ 8 ปีที่แล้วว่าคุณชอบซีรีส์เรื่อง The West Wing มาก ชอบตัวละครตัวไหนที่สุดและทำไมถึงชอบ 

ผมรู้มาว่าที่ไทยยังดูซีรีส์เดอะเวสต์วิงไม่ได้ แต่ถ้าจะแนะนำให้คนรู้จักเรื่องนี้ ผมก็บอกได้ว่ามันเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ดีที่สุดที่เคยมีมาเลย แอรอน ซอร์คินเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ แถมยังมีฝีมือและมีกึ๋นอีก ซีรีส์นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับคณะทำงานของประธานาธิบดีพรรคเดโมแครตในโลกสมมติสมัยใหม่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้นทศวรรษ 2000 เรื่องนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับสมัยบิล คลินตันเป็นประธานาธิบดี เพราะตัวละครประธานาธิบดีบาร์ตเล็ตต์ก็เป็นประธานาธิบดีพรรคเดโมแครตสายกลาง ซีรีส์นี้มีเส้นเรื่องมากมายนับไม่ถ้วน แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบคือบทสนทนาและตัวละครที่สมจริงมากในสายตาผม พวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีข้อเสียแต่ก็มีเหตุผลและจงรักภักดี

ตัวละครที่ผมชอบคือโทบี้ ซีเกเลอร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารประจำทำเนียบขาว ตัวละครนี้เป็นคนชอบล้อเลียนตัวเอง ขี้ประชดประชัน และพร้อมปะทะกับคนอื่น ผมชอบเคมีระหว่างเขากับตัวละครอื่น และผมว่าเขาก็ตลกมาก ๆ ด้วย สิ่งที่ทำให้ผมชอบคือเขาทำตัวเป็นทั้งพี่เลี้ยงและก็ยังคอยเห็นแย้งเพื่อเตือนสติให้ตัวละครหลายตัวอีกด้วย แม้จะเป็นตัวละครประธานาธิบดีบาร์ตเล็ตต์ก็ตาม เขาเป็นคนที่ช่างสงสัยและใจกล้ามากอีกด้วย เขาสามารถรวบรวมความคิดและคิดสุนทรพจน์สด ๆ ได้ ซึ่งผมก็รู้สึกชื่นชมมาก ๆ สุนทรพจน์ของเขาแต่งมาดีจริง ๆ

พ่อคุณคงสอนอะไรมากมายให้คุณ คุณมีคำแนะนำอะไรหนึ่งอย่างที่อยากส่งต่อให้คนไทยรุ่นใหม่?

ผมคิดว่าสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ที่ตื่นตัวทางการเมืองและมีพลังล้นเหลือแบบนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงจะเป็นการรู้จักใจเย็นและอย่ารีบด่วนสรุป ให้ประเมินและวิเคราะห์ข้อเท็จจริงก่อนตัดสิน หรือจะดีกว่านี้คือเป็นคนใจกว้าง ไม่ตัดสินใคร และมองอย่างเป็นกลาง อย่ามีอคติและพร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ การเอาใจเขาไปใส่ใจเราเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่า ดังนั้นจงใช้สิ่งนี้เสีย เพราะมันจะช่วยคุณในการใช้ชีวิต

ในขณะนี้มีคลื่นคนไทยรุ่นใหม่ที่ย้ายประเทศ คุณคิดเห็นอย่างไรกับพวกเขา และคุณอยากจะฝากอะไรถึงคนรุ่นคุณ?

ผมรู้ว่ายังมีคนที่รู้สึกกระวนกระวายใจและมองว่าอนาคตไม่สดใส ผมคิดว่าถ้าคนกลุ่มนี้อยากจะย้ายประเทศออกไป นั่นก็เป็นการตัดสินใจของเขา และเราก็ควรเคารพตรงจุดนี้ พวกเขาอยากจะหาโอกาสที่ดีกว่าให้ตัวเองและครอบครัว ที่ผมพูดได้คือจะดีที่สุดหากเราอดทนในระยะยาว และให้ความมุ่งมั่นตั้งใจให้รางวัลกับตัวเองทีหลังดีกว่า อย่าให้ใครมาทำให้คุณไขว้เขวเด็ดขาด

มาคุยเรื่องการเมืองกัน คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้? คุณได้เรียนรู้และเห็นอะไรมาบ้างจากการที่คุณพ่อเป็นนักการเมือง?

ผมบอกเพื่อน ๆ ผมตลอดว่าการเมืองไทยเป็นสมรภูมิที่มีทุ่งกับระเบิด การก้าวผิดที่นั้นอาจอันตรายมาก ๆ สำหรับผมแล้ว การเมืองไทยเป็นเหมือนละครโศกนาฏกรรมและสุขนาฏกรรมแบบกรีกไปพร้อมกัน คือมีช่วงเวลาที่ตลกโปกฮา และก็มีช่วงเวลาที่จริงจังและเปลี่ยนชีวิตไปได้ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากตอนที่พ่อเป็นนักการเมืองคือ ผมจำเป็นต้องคอยเฝ้าระวังเพื่อตัวเองและการลัดเลาะในโลกการเมืองเป็นเหมือนเกมจิตวิทยาที่จะต้องมาดูว่าใครจะทนแรงกดดันไม่ไหวจนสติหลุดก่อนและใครจะได้เป็นผู้ชนะ

อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ?

ผมจะพูดให้เรียบง่ายสุด ๆ เลยนะครับ แน่นอนว่าต้องเป็นครอบครัว ผมให้ความสำคัญกับครอบครัวเหนือสิ่งอื่นใด ครอบครัวคือกลุ่มคนที่คอยผลักดันให้ผมประสบความสำเร็จ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า